ราคาน้ำมันขยับลงกว่า 2% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันจันทร์ (9 ส.ค.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดสกัดโควิด-19 ในเอเชีย โดยเฉพาะจีน ชาติผู้บริโภครายใหญ่ และดอลลาร์แข็งค่า ปัจจัยหลังนี้ฉุดทองคำร่วงหนัก ขณะที่วอลล์สตรีทปิดผสมผสาน หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
จีน ผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม 125 คน เพิ่มขึ้นจาก 96 คนหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ส่วนในมาเลเซียและไทย จำนวนผู้ติดเชื้อรายล่าสุดพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด
ตัวเลขนำเข้าน้ำมันดิบของจีนลดลงในเดือนกรกฎาคม และลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิถุนายน 2020
นอกจากนี้แล้ว ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดรั้งราคาน้ำมันเช่นกัน หลังข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดหมายของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ก่อความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจกระชับนโยบายการเงินเร็วขึ้น
ความคาดหมายที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินคาดนี้เอง ประกอบกับดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ฉุดให้ราคาทองคำในวันจันทร์ (9 ส.ค.) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือนเลยทีเดียว โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 36.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,726.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (9 ส.ค.) แกว่งตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุด
ดาวโจนส์ ลดลง 106.66 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,101.85 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.17 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,432.35 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 24.41 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,860.18 จุด
ตลาดขานรับข่าวดีที่ว่าแพกเกจโครงสร้างพื้นฐาน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผ่านขั้นตอนการลงมติด้านกระบวนการ (procedural vote) ของวุฒิสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปิดทางสำหรับประชุมเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวในวันอังคาร (10 ส.ค.)
อย่างไรก็ตาม ตลาดแกว่งตัวสู่แดนลบจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดของโควิด-19 หลังตัวกลายพันธุ์เดลตานำมาซึ่งเคสผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นในหลายรัฐของสหรัฐฯ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)