ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ส่งเสียงแสดงความกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยหายาก ซึ่งที่ผ่านมาพบเห็นเฉพาะในภูมิอากาศเขตร้อนเท่านั้น โดยเฉพาะในเอเชียใต้และทางเหนือของออสเตรเลีย
เวลานี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และคนไข้ 2 คนหายป่วยแล้ว หลังติดเชื้อเมลิออยโดสิส (Melioidosis) โรคทีไม่เคยตรวจพบมาก่อนบนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ปัจจุบันพบเคสผู้ติดเชื้อเมลิออยโดสิส ในรัฐจอร์เจีย รัฐแคนซัส รัฐเทกซัส และรัฐมินนิโซตา ตามรายงานของ LiveScience หลังจากที่ผ่านมาเคยพบเคสผู้ติดเชื้อเมลิออยโดสิส ในหมู่เกาะเวอร์จินและเปอร์โตริโก ในแถบแคริบเบียนเท่านั้น
คนไข้ทั้ง 4 รายต่างอ้างว่าไม่ได้เดินทางออกไปนอกประเทศก่อนหน้าการล้มป่วย ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทางซีดีซีระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (9 ส.ค.) เชื่อว่าต้นตอที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือมันมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์นำเข้า (เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว ผลิตภัณฑ์ความสะอาด ยา) หรือปนเปื้อนในวัตถุดิบผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งที่กล่าวมา
คณะผู้ตรวจพบได้เก็บตัวอย่างดิน น้ำและข้าวของทั่วไปที่ใช้ทั้งในและรอบๆ บ้านพักของคนไข้แต่ละคนมากกว่า 100 ตัวอย่าง เพื่อหาความเชื่อมโยงของทั้ง 4 เคส เบื้องต้นจนถึงตอนนี้ยังไม่พบต้นตอร่วม แต่ผลการถอดรหัสพันธุกรรมจีโนมของแบคทีเรีย พบว่ามีความเป็นไปได้ว่าทั้ง 4 เคสมีความสัมพันธ์กันบางอย่าง
ในแต่ละปีจะพบเห็นเคสติดเชื้อเมลิออยโดสิสหลายสิบเคสในอเมริกันชน แต่เกือบทั้งหมดมักเกี่ยวข้องกับการเดินทาง และคราวนี้ถือเป็นครั้งแรกที่แพทย์มองว่าอาการป่วยเมลิออยโดสิส ดูเหมือนจะมีต้นกำเนิดภายในผืนแผ่นดินของสหรัฐฯ
โรคเมลิออยโดสิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Burkholderia pseudomallei มันใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะแสดงอาการหลังติดเชื้อ อาการต่างๆ เหล่านั้นประกอบด้วยไอ หายใจติดขัด อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้สูงเป็นครั้งคราวและมีผื่นขึ้นตามร่างกาย
เชื้อสามารถเข้าทางผิวหนังหรือปอด เช่น กรณีที่มีบาดแผล เชื้ออาจเข้าทางบาดแผลและติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ความดันโลหิตต่ำ ช็อก เป็นฝีในตับหรือในม้าม สามารถเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 วัน หากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง นอกจากการติดเชื้อตามที่กล่าวมา ยังมีการติดเชื้อชนิดเรื้อรังอีกหนึ่งประเภทในโรคเมลิออยโดสิส
การวินิจฉัยโรคช้าเกินไปทำให้รักษาไม่ทันเวลา ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตตามมา เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด การเกิดภาวะไตวาย หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ทำให้อวัยวะอื่นทำงานบกพร่องไป การได้รับยาไม่ถูกชนิดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรคได้
ตัวเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ได้แก่ ผ่านทางผิวหนัง เช่น หากมีบาดแผลและเดินบนดินหรือน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ผ่านทางลมหายใจ กรณีที่มีการฟุ้งของฝุ่นหรือดินที่มีเชื้ออยู่และสูดดมเข้าไป ก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ปอด จะส่งผลให้เกิดอาการปอดอักเสบ
ในคนดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคเมลิออยโดสิส หากสัมผัสไปโดนสารคัดหลั่งก็มีโอกาสติดเชื้อได้ รวมถึงผู้ที่ดูแลวัว หรือควายซึ่งเป็นสัตว์ที่สามารถป่วยเป็นโรคเมลิออโดสิสได้ มีความเสี่ยงเช่นกัน สำหรับเชื้อที่อยู่ในซากสัตว์ที่ตายไปแล้วและถูกฝัง เชื้อจะคงอยู่ในดินบริเวณนั้นและอยู่ตลอดไป หากมีการสัมผัสที่ดินบริเวณนั้นก็มีโอกาสได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
กลุ่มเสี่ยงจากการติดเชื้อ ประกอบด้วย ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคตับหรือไต โรคปอดเรื้อรัง มะเร็งหรืออาการอื่นๆ ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
หนึ่งในเคสเมลิออยโดสิสในสหรัฐฯ ได้แก่ ลีลาห์ เบเกอร์ เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ในเทกซัส ทั้งนี้ไม่มีใครรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงใดๆ ตอนที่หนูน้อยก่อนวัยเรียนรายนี้ล้มป่วยในเดือนพฤษภาคม ลีลาห์ต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียูของศูนย์การแพทย์เด็กดัลลัสนานหลายเดือน ใช้เครื่องช่วยหายใจและท้ายที่สุดแล้วสมองก็ได้รับความเสียหาย
"เธอมีสุขภาพแข็งแรง เป็นเด็กหญิงทั่วไปที่จะเริ่มเข้าสู่ชั้นเตรียมอนุบาลในฤดูใบไม้ร่วง ไม่เคยมีโรคประจำตัวมาก่อน" แอชลีย์ เคนนอน คุณป้าของเด็กเย "ดังนั้น ทุกคนจึงประหลาดใจมาก ไม่รู้ว่าแบคทีเรียนั้นมาจากไหน"
(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์)