แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ยืนยันวันนี้ (10 ส.ค.) ว่ากฎหมายต่อต้านการคว่ำบาตรจีน (anti-sanctions law) กำลังจะถูกนำมาบังคับใช้ “ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง” ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนว่าธุรกิจต่างชาติในฮ่องกงอาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
สภาประชาชนจีนผ่านกฎหมายต่อต้านการคว่ำบาตรเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้บทลงโทษของชาติตะวันตกต่อกรณีที่ปักกิ่งปราบปรามขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง รวมถึงปัญหาในซินเจียง
กฎหมายฉบับนี้กำหนดมาตรการตอบโต้สำหรับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือปฏิบัติตามคำสั่งคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่และภาคธุรกิจของจีน โดยมีตั้งแต่การงดออกวีซ่า สั่งเนรเทศ เรื่อยไปจนถึงอายัดทรัพย์สิน
บริษัทต่างชาติอาจถูกยื่นฟ้องในศาลของจีนฐานปฏิบัติตามคำสั่งคว่ำบาตรของตะวันตก และบทลงโทษตามกฎหมายนี้ยังอาจครอบคลุมไปถึงสมาชิกในครอบครัวของผู้ที่ถูกฟ้องด้วย
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ เกิดกระแสข่าวลือแพร่สะพัดว่าจีนเตรียมจะขยายการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านคว่ำบาตรมายังฮ่องกง หลังจากที่สื่อปักกิ่งรายงานว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรการใหม่ๆ สำหรับฮ่องกงและมาเก๊า
ล่าสุด วันนี้ (10) มีคำยืนยันจาก แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงว่า รัฐบาลปักกิ่งได้ปรึกษากับเธอเรื่องความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มกฎหมายต่อต้านคว่ำบาตรเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายพื้นฐาน (Basic Law) ซึ่งเป็นเสมือน “อนุรัฐธรรมนูญ” ของฮ่องกง
“จุดมุ่งหมายของกฎหมายต่อต้านการคว่ำบาตรก็คือการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของชาติ” ลัม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า ตัวเธอเองได้เสนอไปยังปักกิ่งว่า ควรจะให้ฮ่องกง “ออกกฎหมายเอง” มากกว่า แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ปักกิ่งอาจตัดสินใจใช้มาตรการตรง แบบที่นำกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่มาบังคับใช้ในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและมหาอำนาจตะวันตกเสื่อมทรามลงเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจของทั้ง 2 ฝ่ายได้รับผลกระทบอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง
สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกงหลายคน รวมถึงตัวนาง ลัม ด้วย ขณะที่จีนเองก็ใช้มาตรการตอบโต้ในทำนองเดียวกัน
ทั้งนี้ บริษัทต่างชาติเสี่ยงที่จะต้องเผชิญบทลงโทษจากจีนไม่ก็สหรัฐฯ หากพวกเขายอมทำตามคำสั่งคว่ำบาตรของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ที่มา : เอเอฟพี