รอยเตอร์ – บริษัทยาโมเดอร์นาของสหรัฐฯออกแถลงการณ์วันพฤหัสบดี(5 ส.ค)ว่า วัคซีนยังคงประสิทธิภาพ 93% ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเวลา 6 เดือนหลังจากได้รับโดสที่ 2 แต่คาดต้องมีเข็มกระตุ้นก่อนฤดูหนาว ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปลงนามวานนี้(4 ส.ค)สั่งซื้อวัคซีนโนวาแวกซ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 จำนวน 200 ล้านโดส
รอยเตอร์รายงานวันนี้( 5 ส.ค)ว่า ซีอีโอบริษัทโมเดอร์นากล่าวผ่านแถลงการณ์วันพฤหัสบดี(5)ถึงประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19ของตัวเองว่า “ทางเรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่จะประกาศว่า ประสิทธิภาพวัคซีนของเรามีความคงที่อยู่ที่ 93% จากระยะเวลา 4 เดือนจนถึง 6 เดือน” และเสริมว่า “ระยะเวลาประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหลายแสนคนที่ได้รับวัคซีนครบจากโมเดอร์นา”
รอยเตอร์ชี้ว่า ข่าวที่เพิ่งประกาศออกมานี้ทำให้โมเดอร์นาได้เปรียบคู่แข่งไฟเซอร์-ไบออนเทคที่ออกมาแถลงสัปดาห์ที่แล้วซึ่งระบุว่าประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์จะลดไปราว 6% ในทุก 2 เดือน และจะลดลง 84% ใน 6 เดือนหลังจากได้รับเข็มที่ 2 แล้ว โดยทั้งโมเดอร์นาและไฟเซอร์พัฒนาวัคซีนจากเทคโนโลยี mRNA เหมือนกัน
ระยะเวลาการคงประสิทธิภาพของวัคซีนหมายความว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนจะสามารถมีระยะเวลานานมากขึ้นก่อนที่จะได้รับเข็มกระตุ้นต่อไปซึ่งในเรื่องนี้บริษัทโมเดอร์นาคาดหวังว่า จะสามารถมีการแจกเข็มกระตุ้นได้ก่อนฤดูหนาวจะมาถึง
หรือการคงประสิทธิภาพวัคซีนยาวยานทบางทีอาจจะไม่ต้องมีการฉีดเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันโควิด-19ก็เป็นได้ บริษัทโมเดอร์นาเปิดเผยว่าในเวลานี้บริษัทกำลังศึกษา 3 ประเภทของการกระตุ้นรวมถึงการมีแอนติบอดี้อย่างแข็งแกร่งเพื่อต่อต้านไวรัสได้หลายสายพันธุ์ที่รวมไปถึงสายพันธุ์แกมมาของบราซิล สายพันธุ์แกมมาของแอฟริกาใต้และสายพันธุ์เดลตาของอินเดีย
โมเดอร์นากล่าวว่า ระดับแอนติบอดี้ถูกทำให้เป็นกลางหลังการได้รับเข็มกระตุ้นในกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนโดสที่ 2 แล้ว
ด้านคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปแถลงข่าวในวันพุธ(4) อนุมัติข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีนโนวาแวกซ์จำนวน 200 ล้านโดส
รอยเตอร์ชี้ว่า การเคลื่อนไหวล่าสุดของอียูเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตรในการกระจายความเสี่ยงทางด้านวัคซีนโควิด-19 หลังจากทางสหภาพยุโรปที่ผ่านมาต้องต่อสู้อย่างหนักต่อการให้ได้มาวัคซีนmRNAจากบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคและบริษัทโมเดอร์นา
คณะกรรมาธิการด้านสุขภาพของอียู สเตลลา คีเรียคีดีส( Stella Kyriakides) แถลงถึงความสำเร็จของข้อตกลงว่า “ข้อตกลงครั้งใหม่ของเราร่วมกับโนวาแวกซ์นั้นเป็นการขยายคลังวัคซีนของเราที่จะเพิ่มวัคซีนโควิด-19ประเภทพื้นฐานจากโปรตีนที่มีผลลัพท์ทางการวิจัยที่น่าทึ่ง”
ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้ ทางสหภาพยุโรปสามารถที่จะสั่งซื้อวัคซีนโนวาแวกซ์ได้สูงสุด 100 ล้านโดสพร้อมกับเงื่อนไขที่สามารถสั่งซื้อเพิ่มได้อีก 100 ล้านโดสไปจนถึงปี 2023 หลังจากที่วัคซีนโนวาแวกซ์ได้รับการอนุมัติจากผู้กำกับยาสหภาพยุโรปซึ่งในเวลานี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
โนวาแวกซ์เป็นบริษัทยาผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19รายที่ 7 ที่อียูลงนามการซื้อขายด้วย