กัมพูชาประกาศล็อกดาวน์ 8 จังหวัดติดชายแดนไทยตั้งแต่เที่ยงคืนวันพฤหัสบดี (29 ก.ค.) หลังพบผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่กลับจากไทย ด้านญี่ปุ่นตัวเลขเคสใหม่ทะลุหมื่นคนเป็นครั้งแรก ส่วนโตเกียวทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ขณะที่อเมริกา คาดหมายกันว่า ไบเดนเตรียมออกคำสั่งใหม่ให้เจ้าหน้าที่พลเรือนของรัฐบาลต้องฉีดวัคซีนเพื่อสกัดโควิด-19 ท่ามกลางรายงานข่าวว่า สถานการณ์การระบาดในรัฐฟลอริดารุนแรงที่สุดนับจากต้นปี หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่ 16,038 คน หรือเท่ากับ 20% ของจำนวนเคสใหม่ทั่วอเมริกา
นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา ออกคำสั่งล็อกดาวน์ในคืนวันพุธ (28) โดยให้มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนวันพฤหัสฯ จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับไทย ได้แก่ จ.เกาะกง จ.โพธิสัตว์ จ.พระตะบอง จ.ไพลิน จ.บันเตียเมียนเจย ซึ่งมีเมืองสำคัญคือปอยเปต จ.อุดรมีชัย จ.พระวิหาร และ จ.เสียมราฐ ประชาชนใน 8 จังหวัดเหล่านี้คิดเป็นราวๆ 1 ใน 4 ของประชากร 16 ล้านคนทั่วประเทศ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกัมพูชาเพิ่มการเตือนภัยโควิดในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นสายพันธุ์เดลตารวม 39 คน ในจำนวนนี้ 21 คนเป็นแรงงานที่กลับจากไทย ส่วนที่เหลือคือผู้สัมผัสกับคนติดเชื้อ
ตามคำสั่งล็อกดาวน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเหล่านี้มีอำนาจตัดสินใจในการกำหนด “พื้นที่อันตราย” ห้ามประชาชนออกจากบ้านเรือน ห้ามการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม และห้ามการดำเนินธุรกิจต่างๆ ยกเว้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับในการดำเนินงานสายการบิน
แม้ยังอนุญาตให้ขนส่งสินค้าจากฝั่งไทยเข้าไปได้ แต่สำหรับแรงงานกัมพูชาที่ต้องการกลับประเทศจะต้องรอจนกว่าครบกำหนดล็อกดาวน์
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่รับผิดชอบเขตเมืองหลวงได้ประกาศเคอร์ฟิวในกรุงพนมเปญนาน 2 สัปดาห์นับจากวันพฤหัสฯ โดยห้ามประชาชนออกนอกบ้านตั้งแต่เวลา 21.00-03.00 น.
แม้มีโครงสร้างสาธารณสุขอ่อนแอที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ดูเหมือนกัมพูชาควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้เป็นส่วนใหญ่เมื่อปีที่แล้ว จนกระทั่งเกิดการระบาดครั้งใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็นกว่า 75,000 คน
ส่วนที่โตเกียว ซึ่งกำลังเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 เจ้าหน้าที่รายงานเมื่อวันพฤหัสฯ พบผู้ติดเชื้อใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา 3,865 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ และเป็นการทำลายสถิติเดิม 3 วันรวด ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วญี่ปุ่นอยู่ที่ 10,693 ราย พุ่งเกิน 10,000 คนเป็นครั้งแรก
นอกจากนั้น คณะผู้จัดโอลิมปิกยังเปิดเผยว่า ผู้เข้าร่วมโตเกียวโอลิมปิก 2 คนจากต่างประเทศถูกนำส่งโรงพยาบาลจากการติดโควิด แต่ไม่มีอาการรุนแรง และผู้เข้ารับการรักษาตัวคนที่ 3 ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ส่วนเคสใหม่มี 24 คน เป็นนักกีฬา 3 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อนับจากวันที่ 1 เดือนนี้อยู่ที่ 193 คน
มาร์ก อดัมส์ โฆษกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ย้ำว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในโตเกียวที่ระบาดจากนักกีฬาหรือการจัดโอลิมปิก
กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่า การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเป็นการสื่อสารที่สร้างความสับสนให้ประชาชนเกี่ยวกับความจำเป็นในการจำกัดกิจกรรมเพื่อควบคุมการระบาด
สถานการณ์การระบาดที่รุนแรงขึ้นในสัปดาห์นี้ทำให้ชิเกรุ โอมิ ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ระดับสูง เตือนระหว่างแถลงต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า รัฐบาลควรใช้โอกาสที่พบผู้ติดเชื้อใหม่ในโตเกียวทะลุ 3,000 คน ส่งข้อความที่ชัดเจนและเด็ดขาดเพื่อให้สังคมตระหนักถึงความเสี่ยงจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตาในขณะนี้
ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์นี้ที่พบครั้งแรกในอินเดียกำลังระบาดอย่างหนักในหลายภูมิภาคทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่อเมริกาที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง โดยเมื่อวันอังคาร รัฐฟลอริดาพบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 16,038 คน สูงสุดนับจากเดือนมกราคม และเป็นวันที่ 7 ที่พบเคสใหม่เกิน 12,000 คน และยังคิดเป็นสัดส่วน 20% ของจำนวนเคสใหม่ทั่วอเมริกา
ทั้งนี้ สถิติผู้ติดเชื้อสูงสุดของฟลอริดาคือ 19,816 คน เมื่อวันที่ 7 มกราคม ล่าสุดจนถึงวันอังคารรัฐนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 2.5 ล้านคน และเสียชีวิต 38,840 คน
ข่าวนี้มีขึ้นวันเดียวกับที่โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกา (ซีดีซี) ออกคำเตือนใหม่ให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วในพื้นที่ที่มีการระบาดสูงยังต้องสวมหน้ากากขณะอยู่ภายในอาคารสาธารณะ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้บางรัฐ เช่น นิวยอร์ก ออกคำสั่งให้ลูกจ้างรัฐต้องสวมหน้ากากหรือไม่ก็ต้องตรวจหาโควิดทุกสัปดาห์ ขณะที่หน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาล รวมถึงทำเนียบขาว สั่งให้เจ้าหน้าที่สวมหน้ากากขณะอยู่ในอาคาร
นอกจากนั้นยังคาดกันว่า ในวันพฤหัสฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะประกาศให้เจ้าหน้าที่พลเรือนทั้งหมดของรัฐบาลต้องรับการฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ต้องตรวจโควิดเป็นประจำ เว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากาก และจำกัดการเดินทาง
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่าจะไม่มีการปลดเจ้าหน้าที่ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน
จากข้อมูลในปี 2020 อเมริกามีเจ้าหน้าที่พลเรือนราว 2.18 ล้านคน และพนักงานที่ทำงานให้การไปรษณีย์สหรัฐฯ อีก 570,000 คน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า คำสั่งใหม่ของไบเดนจะครอบคลุมพนักงานการไปรษณีย์หรือพนักงานสัญญาจ้างที่ทำงานให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางหรือไม่
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี, ไมอามีเฮรัลด์, เกียวโด)