เกาหลีเหนือและใต้กลับมาเชื่อมสายด่วนระหว่างรัฐบาลอีกครั้งหลังจากที่เปียงยางเป็นฝ่ายตัดการสื่อสารไปเมื่อ 1 ปีก่อน
พัค ซูฮยุน เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของประธานาธิบดี มุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ แถลงวันนี้ (27 ก.ค.) ว่า ประธานาธิบดี มุน และผู้นำ คิม จองอึน ได้แลกเปลี่ยนจดหมายกันหลายฉบับตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จนนำมาสู่ข้อตกลงฟื้นฟูสายด่วนระหว่างรัฐบาล
“ผู้นำทั้งสองท่านได้มีการแลกเปลี่ยนจดหมายในหลายๆ โอกาส เพื่อแสวงหาลู่ทางฟื้นฟูความสัมพันธ์ และได้ตกลงกันว่าจะเปิดสายด่วนอีกครั้งเพื่อเป็นขั้นตอนแรกในกระบวนการนี้” พัค ระบุ “ท่านยังเห็นพ้องให้มีการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การฟื้นสัมพันธ์เกิดขึ้น”
ด้านสำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือรายงานว่า การติดต่อระหว่างสองเกาหลีทุกช่องทางได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (27) ตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นไปตามข้อตกลงระหว่าง คิม และ มุน และถือว่าเป็น “ย่างก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การฟื้นความเชื่อมั่น และส่งเสริมความปรองดอง”
เกาหลีเหนือเป็นฝ่ายตัดสายด่วนกับเกาหลีใต้เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2020 ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่กลับมาตึงเครียด หลังการประชุมซัมมิตครั้งที่ 2 ระหว่างผู้นำ คิม กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่มี มุน เป็นคนกลาง ล้มเหลวไม่เป็นท่าในเดือน ก.พ. ปี 2019
หลังตัดสายด่วนได้ไม่นาน เกาหลีเหนือยังสั่งระเบิดทำลายสำนักงานติดต่อประสานงานร่วมกับเกาหลีใต้ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อปี 2018 ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตกต่ำย่ำแย่ลงไปอีก
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ยืนยันว่า ได้มีการทดสอบสายด่วนทางทหารวันนี้ (27) และการติดต่อสื่อสาร 2 ครั้งต่อวันจะถูกรื้อฟื้นขึ้นใหม่ ขณะที่กระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ก็ระบุว่า สายโทรศัพท์ข้ามแดนที่หมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหารถูกเชื่อมต่อแล้วเช่นกัน
มุน เรียกร้องมาโดยตลอดให้มีการเปิดสายด่วน และคาดหวังให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ฟื้นฟูการเจรจากับเปียงยาง เพื่อนำไปสู่เป้าหมายยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ว่าการเปิดสายด่วนครั้งนี้จะเป็นสัญญาณจริงจังว่าเกาหลีเหนือพร้อมจะตอบรับไมตรีจาก มุน และ ไบเดน หรือไม่ และที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ ก็ย้ำว่าต้องการแนวทางที่ “เชื่อถือได้ คาดเดาได้ และสร้างสรรค์” เพื่อเริ่มต้นการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์โสมแดง
“สหรัฐฯ พยายามติดต่อกับเกาหลีเหนือตั้งแต่ประธานาธิบดีไบเดน เข้ารับตำแหน่ง ผมเชื่อว่านี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเปียงยางเริ่มเต็มใจที่จะตอบสนอง” เจมส์ คิม จากสถาบันอาซานเพื่อนโยบายศึกษาในกรุงโซล ระบุ
“แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะตีความท่าทีเหล่านี้ เรายังต้องรอดูความเคลื่อนไหวในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ที่จริงจังของเกาหลีเหนือ เพื่อจะยืนยันว่าความคืบหน้าเหล่านี้เป็นของจริง”
อาจารย์ยาง มูจิน จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษาในกรุงโซล แนะนำว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโควิด-19 และภัยพิบัติทางธรรมชาติอาจเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีกลับมาดีขึ้น
ที่มา : รอยเตอร์