ทางการฟิลิปปินส์สั่งอพยพประชาชนนับหมื่นคนในกรุงมะนิลาวันนี้ (24 ก.ค.) หลังฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของมรสุม บวกกับพายุฤดูร้อนทำให้เกิดน้ำท่วมในเมืองหลวงและจังหวัดใกล้เคียง
สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ระบุว่า ได้ทำการอพยพประชาชน 14,023 คนออกจากชุมชนซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว
“ขอให้ผู้ที่อาศัยอยู่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบเฝ้าติดตามสถานการณ์ มีมาตรการป้องกันตนเอง และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานส่วนท้องถิ่น” แฮร์รี โรก โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ระบุในถ้อยแถลง
หลายภูมิภาคทั่วโลกเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายในสัปดาห์นี้ ตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมที่จีน อินเดีย และยุโรปตะวันตก เรื่อยไปจนถึงคลื่นความร้อนในอเมริกาเหนือ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายมองว่านี่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ฟิลิปปินส์ซึ่งประกอบด้วยหมู่เกาะกว่า 7,600 เกาะ ต้องเผชิญกับพายุฤดูร้อนประมาณ 20 ลูกต่อปี แต่นักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อุณหภูมิน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกมีส่วนทำให้พายุทวีความรุนแรง และมีปริมาณฝนมากผิดปกติ
บางพื้นที่ของเขตเมโทรมะนิลา ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 13 ล้านคน ระดับน้ำท่วมสูงถึงเอวจนยานพาหนะขนาดเล็กไม่สามารถผ่านได้
ฮูเมอร์ลิโต โดลอร์ ผู้ว่าการจังหวัดโอเรียนทัลมินโดโร (Oriental Mindoro) ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ DZMM ว่า “บ้านบางหลังถูกน้ำท่วมสูงจนมิดหลังคา”
โรก ยืนยันว่า กระทรวงกิจการสาธารณะกำลังเร่งเคลียร์ซากปรักหักพังและดินสไลด์ที่ปิดกั้นช่องทางจราจรบนถนนในจังหวัดต่างๆ
นอกจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำแล้ว ฟิลิปปินส์ยังเผชิญการระบาดของโควิด-19 หนักหน่วงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย และเวลานี้รัฐบาลได้นำมาตรการคุมเข้มทางสังคมขั้นสูงมาใช้เพื่อสกัดการแพร่กระจายของเชื้อกลายพันธุ์ ‘เดลตา’
ที่มา : รอยเตอร์