ราคาน้ำมันขยับลงมากกว่า 2% ในวันพุธ (14 ก.ค.) หลังผู้ผลิตหลักประนีประนอมกันได้ในเรื่องเกี่ยวกับอุปทานและตัวเลขที่เผยให้เห็นอุปสงค์อ่อนแอในสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสานและทองคำปรับขึ้น จากข้อมูลการให้ปากคำต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันขยับลงตั้งแต่ต้น หลังรอยเตอร์รายงานว่า ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประนีประนอมกันได้ว่าควรปลดล็อกข้อตกลงโอเปกพลัสในการป้อนอุปทานเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น หลังจากโลกกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโรคระบาดใหญ่โควิด-19
จากนั้นราคาน้ำมันดิ่งลงยิ่งขึ้น หลังข้อมูลสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) พบอุปสงค์น้ำมันเบนซินลดลงอย่างมากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ในขณะเดียวกันคลังน้ำมันดิบสำรองจะลดลงเกินคาดและเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันก็ตาม
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (14 ก.ค.) ปิดผสมผสาน เอสแอนด์พี 500 และดาวโจนส์ ปรับขึ้นเล็กน้อย หลังเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณจะกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 44.44 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,933.23 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 5.09 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,374.30 จุด แนสแดค ลดลง 32.70 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,644.95 จุด
ความเคลื่อนไหวของตลาดมีขึ้นหลังจากประธานเฟดให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลบริการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า "จะเดินหน้านโยบายการเงินเพื่อมอบการสนับสนุนทรงพลังแก่เศรษฐกิจจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์"
ดอลลาร์ร่วงลงเทียบสกุลเงินหลัก หลังจากถ้อยคำของ พาวเวล บ่งชี้ด้วยว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในขณะนี้ก็ตาม ปัจจัยนี้ผลักให้ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือนในวันพุธ (14 ก.ค.) โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 15.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,825.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)