ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ (23 มิ.ย.) แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2018 หลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯลดลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสานท่ามกลางความเคลื่อนไหวในแดนบวกของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำฟื้นตัวพอสมควร
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 73.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ ปิดที่ 75.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลง 7.6 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 มิถุนายน เหลือ 459.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าน่าจะลดลงราว 3.9 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้แล้ว คลังน้ำมันดิบสำรองที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ศูนย์ส่งมอบน้ำมันดิบสัญญาสหรัฐฯ ก็ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ส่วนอุปสงค์เบนซินที่เพิ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งเสริมราคาน้ำมันเช่นกัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ (23 มิ.ย.) ปิดผสมผสาน แนสแดคแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากความเคลื่อนไหวชองงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ส่วนดาวโจนส์และเอสแอนด์พีขยับลง จากปัญหาในภาคการผลิต
ดาวโจนส์ ลดลง 71.34 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,874.24 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.60 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,241.84 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 18.47 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,271.73 จุด
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 62.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 62.1 ในเดือนพฤษภาคม เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ที่ 61.5 แต่บรรดาผู้ผลิตทั้งหลายยังคงประสบปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบและแรงงานที่มีคุณภาพ ทำให้ราคาพุ่งสูงอย่างเป็นมาก
อย่างไรก็ตาม แนสแดคปิดบวก ได้แรงหนุนจากการขยับขึ้นของเอ็นวิเดียร์ คอร์ปและเฟซบุ๊ก อิงค์ ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง นักลงทุนพุ่งเป้าไปยังบริษัทต่างๆที่คาดหมายว่าจะทำผลงานได้ดี ในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากโรคระบาดใหญ่
ความเคลื่อนไหวผันผวนของตลาดทุน ผลักนักลงทุนบางส่วนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันพุธ (23 มิ.ย.) ปิดบวกพอประมาณ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,783.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา: รอยเตอร์)