อิสราเอลพบอัตราประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคลดลงอย่างมากในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตา และการผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ ของรัฐบาล จากการเปิดเผยของเว็บไซต์ข่าว Ynet อ้างอิงข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล
นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างเว็บไซต์ข่าว Ynet ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์ยังมีประสิทธิภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัดในการป้องกันเคสผู้ติดเชื้ออาการร้ายแรงและอาการหนักถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าวมาจากกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล
จากข้อมูลพบว่า ระหว่างวันที่ 2 พฤษภาคม ถึง 5 มิถุนายน วัคซีนของไฟเซอร์มีอัตราประสิทธิภาพ 94.3% ทว่านับตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน หรือ 5 วันหลังจากรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ จนถึงช่วงต้นเดือนกรกฎาคม อัตราประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเหลือเพียงแค่ 64%
รายงานข่าวระบุว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ลดลงเช่นกันในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แบบแสดงอาการ
ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเจ็บป่วยที่รุนแรงลดลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง โดยจากวันที่ 2 พฤษภาคม ถึง 5 มิถุนายน อัตราประสิทธิภาพในการป้องกันการรักษาในโรงพยาบาลอยู่ที่ 98.2% ทว่า จากนั้นระหว่างวันที่ 6 มิถุนายน ถึง 3 กรกฎาคม ประสิทธิภาพลดลงมาเล็กน้อยเหลือ 93%
ตัวเลขดังกล่าวเป็นไปตามกรอบข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่พบเคสผู้ติดเชื้อใหม่หลายรายในบรรดาประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ในขณะที่เคสติดเชื้ออาการหนักก็กำลังเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่ช้ากว่า เว็บไซต์ข่าว Ynet ระบุ
เว็บไซต์ข่าว Ynet รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) 55% ของผู้ติดเชื้อใหม่เป็นบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้ว และในวันที่ 4 กรกฎาคมมีเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักในอิสราเอล 35 ราย เพิ่มขึ้นจากระดับ 21 รายในวันที่ 19 มิถุนายน
รัฐบาลอิสราเอลกำลังพิจารณาคืนสถานะข้อจำกัดสกัดโควิด-19 เพิ่มเติม หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลับมาบังคับสวมหน้ากากอีกรอบหากอยู่ตามสถานที่สาธารณะในร่ม
รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังพูดคุยหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนโดสที่ 3
อัลเบิร์ต บัวร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์ ระบุผู้คนอาจจำเป็นต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 โดสที่ 3 ภายใน 12 เดือนหลังจากรับวัคซีนครบแล้ว
อิสราเอลเป็นหนึ่งในชาติที่โครงการขับเคลื่อนฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีความคืบหน้ามากที่สุดในโลก ปัจจุบันมีประชาชนทั่วไปแล้วกว่า 57% ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ในนั้น 88% เป็นประชากรอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดต่อการติดเชื้ออาการหนัก
(ที่มา : บลูมเบิร์ก)