เคียวร์แวค (CureVac) แห่งเยอรมนีแถลงในวันพุธ (30 มิ.ย.) ว่าผลการทดลองขั้นสุดท้ายพบวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของพวกเขามีอัตราประสิทธิภาพแค่ 48% ต่ำกว่าวัคซีน mRNA ตัวอื่นที่พัฒนาโดย 2 บริษัทคู่แข่งอย่างไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นาค่อนข้างมาก
ผลการทดลองดังกล่าวเป็นที่คาดหมายไว้แล้ว หลังจากมีผลลัพธ์ที่ย่ำแย่ในผลการทดลองชั่วคราวซึ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงกลางเดือน
ทางบริษัทกล่าวโทษผลลัพธ์ที่ย่ำแย่บางส่วนต่อสภาพแวดล้อมการแพร่กระจายเชื้ออย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนของตัวกลายพันธุ์ทั้งหลายของโควิด-19 ในบรรดาอาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดลอง เช่นเดียวกับการตอบสนองต่อวัคซีนที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอายุ
วัคซีนโควิดเทคโนโลยี mRNA ที่ร่วมผลิตโดยไบโอเอ็นเทค คู่แข่งสัญชาติเยอรมนีกับไฟเซอร์แห่งสหรัฐฯ รวมถึงของโมเดอร์นา บริษัทสหรัฐฯ ต่างได้รับอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อราวๆ 8 เดือนก่อน หลังแสดงประสิทธิภาพราวๆ 95%
อย่างไรก็ตาม การทดลองของพวกเขาในเวลานั้นเป็นการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวดั้งเดิมเท่านั้น
เคียวร์แวคบอกว่า วัคซีนของพวกเขาที่ใช้ชื่อว่า CVnCoV มีประสิทธิภาพในหมู่อาสาสมัครอายุระหว่าง 18 ถึง 60 ปี ดีกว่าในกลุ่มคนสูงวัยเล็กน้อย โดยอัตราประสิทธิภาพจะขยับขึ้นไปเป็น 53%
ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มอาสาสมัครอายุ 18-60 ปี วัคซีนมอบประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและป้องกันการเสียชีวิตได้ 100%
“ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย CVnCoV แสดงให้เห็นว่ามันมีคุณค่าด้านสาธารณสุขอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มประชาชนอายุ 18 ถึง 60 ปี ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นตัวสนับสนุนสำคัญสำหรับช่วยควบคุมโรคระบาดใหญ่โควิด-19 และตัวกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอย่างคล่องแคล่ว” ฟรานซ์-เวอร์เนอร์ ฮาส ซีอีโอของทางบริษัทระบุในถ้อยแถลง
การทดลองขั้นสุดท้าย 2b/3 trial ของเคียวร์แวค เกี่ยวข้องกับอาสาสมัคร 40,000 คนใน 10 ประเทศยุโรปและละตินอเมริกา ซึ่งพบว่าในนั้น 228 คนติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เคียวร์แวคก่อตั้งโดย อิงมาร์ โฮเออร์ ผู้บุกเบิกการวิจัยด้านวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ในปี 2000 และเขายืนยันในเดือนพฤษภาคม ว่าผลการวิเคราะห์อิสระไม่พบความกังวลด้านความปลอดภัยในวัคซีนที่ใช้ในปริมาณ 2 โดสแต่อย่างใด
ทางบริษัทเผยว่าได้แบ่งปันข้อมูลการทดลองกับองค์การยาแห่งยุโรป (EMA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมในการแถลงข่าวที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดี (1 ก.ค.)
แม้จะล้าหลังในสมรภูมิวัคซีน แต่เคียวร์แวคเชื่อว่าพวกเขามีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งวัคซีนเทคโนโลยี mRNA รายอื่นๆ เนื่องจากเคียวร์แวคสามารถจัดเก็บไว้ในอุณหภูมิตู้เย็นมาตรฐานทั่วไป ต่างจาก mRNA รุ่นแรกของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ที่จำเป็นต้องจัดเก็บไว้ในอุณหภูมิเย็นจัด
นอกจากนี้แล้ว วัคซีนของเคียวร์แวคยังใช้ในปริมาณน้อย เปิดทางให้สามารถผลิตจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและมีราคาถูกกว่า
สหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีนเคียวร์แวคแล้วสูงสุด 405 ล้านโดส
(ที่มา : เอเอฟพี)