เอเจนซีส์ – อนามัยโลกWHO ชี้คนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19ครบยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยภายในอาคารต่อไปและยังต้องรักษาระยะห่างทางสังคมท่ามกลางการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ ขณะที่ผลการศึกษาใหม่ชี้วัคซีน mRNA ทั้งไฟเซอร์-ไบออนเทคและโมเดอร์นาให้ภูมิคุ้มกันระยะยาวหลังฉีด และโมเดอร์นาสามารถต้านทานไวรัสเดลต้าได้ดี ล่าสุดโพลสำรวจชาวอเมริกันเกือบ 30% เชื่อการระบาดในอเมริกาสิ้นสุดแล้ว
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์รายงานเมื่อวานนี้(29 มิ.ย)ว่า ดร. มารีอันเจลา ซีเมา (Dr. Mariângela Simão) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก WHO กล่าวในรายงานการสรุปประจำวันศุกร์(25)ว่า “ผู้คนยังไม่สามารถรู้สึกปลอดภัยได้แค่เพราะพวกเขาได้รับวัคซีนแล้ว 2 โดส คนเหล่านี้ยังคงจำเป็นต้องปกป้องตนเอง”
ขณะที่ CDC สหรัฐฯในเดือนพฤษภาคมได้ออกคำแนะนำใหม่ว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19ครบโดสไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยภายในสถานที่
แต่ทว่าจากการที่สายพันธุ์เดลต้าเริ่มระบาดมากขึ้นในสหรัฐฯ CNN รายงานว่า ทำให้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอเมริกันบางส่วนออกคำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย เป็นต้นว่าในลอสแอนเจลีส เคาน์ตี (Los Angeles County) นำคำสั่งการสวมหน้ากากอนามัยใหม่อีกครั้งที่รวมไปถึงผู้ที่รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วหลังมีการแพร่ระบาดไวรัสเดลต้าเกิดขึ้น แต่ทว่าในคำแนะนำชี้ว่า คำสั่งใหม่นี้ไม่ได้บังคับทุกคนแต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ
เคสเดลต้าคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของเคสที่กำลังเคลื่อนไหวในเขตเคาน์ตีนี้ อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลในวันพฤหัสบดี(24)
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์รายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันการศึกษาใหม่ที่นำโดย แจคสัน เอส. เทิร์นเนอร์ (Jackson S. Turner) ประจำแผนกพยาธิวิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองเซนต์หลุย รัฐมิสซูรี ที่ลงผ่าน nature.com ในวันจันทร์(28) ยืนยันว่า ทั้งวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค และวัคซีนโมเดอร์นา สร้างภูมิคุ้มกันยาวนานที่ “อาจสามารถ” ให้ภูมิคุ้มกันกับผู้ฉีดนานหลายปี
ผลจากการศึกษาชี้ไปว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA อาจไม่จำเป็นต้องได้รับเข็มกระตุ้นซึ่งเรียกว่าเข็มที่ 3 ตราบเท่าที่ไวรัสยังไม่มีการกลายพันธุ์มากไปกว่าเดิม ซึ่งต่างจากวัคซีนไข้หวัดที่จำเป็นต้องได้รับเข็มกระตุ้นทุกปี
CNN รายงานว่าไวรัสสายพันธุ์แกมมาหรือสายพันธุ์บราซิลนั้นมีการดื้อต่อวัคซีนและวิธีการรักษาด้วยแอนติบอดี้
ก่อนหน้านี้วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคได้เคยแถลงประสิทธิภาพป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้าได้ 88% 2 สัปดาห์หลังจากได้รับเข็มที่ 2 แล้ว แต่ทว่าในกลุ่มผู้ที่ได้รับเพียงแค่เข็มแรกจะได้รับการป้องกันน้อยกว่า
ล่าสุดบริษัทยายักษ์ใหญ่สหรัฐฯโมเดอร์นาได้ประกาศผลการศึกษาการทดสอบวัคซีนต่อไวรัสกลายพันธุ์เดลต้า พบว่าการศึกษาในห้องแล็บวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันที่ดี
เดอะฮิล สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ในการศึกษาที่ยังไม่มีเพียร์รีวิวมีการใช้ตัวอย่างเซรุมจากอาสาสมัคร 8 คน 1 สัปดาห์หลังจากได้รับวัคซีนโมเดอร์นาเข็มที่ 2 บริษัทยาชี้ว่าวัคซีนสร้างแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ (Neutralizing antibody)ต่อไวรัสเดลต้าและไวรัสเบต้าหรือไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้ตามลำดับหลังร่างกายได้วัคซีนโดสที่ 2
แต่อย่างไรในการศึกษาวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพต่อไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่แตกออกไป
เดอะฮิลรายงานเพิ่มเติมว่า ถึงแม้จะมีความวิตกต่อสายพันธุ์เดลต้าในสหรัฐฯแต่ทว่าในเวลานี้บรรยากาศภายในอเมริกาเริ่มกลับเข้ามาสู่ความปกติดูได้จากการกลับมาจัดงาน LGBTQ พาเหรดสำหรับเพศทางเลือกที่3 ที่เวสต์ วิลเลจ (West Village) เมืองนิวยอร์ก ซิตี้ วันอาทิตย์(27) หลังถูกสั่งยกเลิกในปีที่ผ่านมา มีผู้คนโบกธงสีรุ้งเข้าร่วมการเดินขบวนเป็นจำนวนมาก มีบางส่วนสวมหน้ากากอนามัยแต่มีเป็นจำนวนมากที่ไม่สวม
สำนักโพลแกลลัป (Gallup poll)ของสหรัฐฯออกมาชี้ว่า มีชาวอเมริกันในกลุ่มวัยผู้ใหญ่จำนวน 29 % คิดว่าวิกฤตโควิด-19ในสหรัฐฯสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อเทียบกับอีก 71% ยังคิดว่าวิกฤตยังคงเกิดขึ้น
และเมื่อเทียบกันระหว่าง 2 พรรคพบว่าผู้ที่ชื่นชอบพรรครีพับลิกันของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จำนวน 57% มีแนวโน้มที่จะเห็นว่าวิกฤตโรคระบาดสิ้นสุด ขณะที่ 35%ของกลุ่มอิสระ และ 4% จากพรรคเดโมแครตเห็นว่าการระบาดสิ้นสุด
แกลลัปโพลรายงานว่า ชาวอเมริกันที่ชื่นชอบพรรคเดโมแครตถึง 96% และกลุ่มอิสระ 44% เห็นว่าอเมริกายังคงมีวิกฤตโรคโควิด-19ต่อไป เทียบกับ 43% ของพรรครีพับลิกันที่คิดว่ายังคงคิดว่าสหรัฐฯยังมีวิกฤตโรคระบาด
และการสำรวจพบว่า อเมริกันเพศชาย 36% ที่คิดว่าสหรัฐฯผ่านวิกฤตโควิด-19 ขณะที่อเมริกันเพศหญิงแค่ 22% ที่คิดว่าประเทศผ่านพ้นวิกฤตแล้ว
การสำรวจล่าสุดยังชี้ว่า ชาวอเมริกันส่วนมากมีความเห็นในแง่บวกต่อสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 89% ที่กล่าวว่าสถานการณ์การระบาดนั้นดีขึ้นกว่าเดิมมาก
และ 15% ของกลุ่มผู้ใหญ่ที่ให้ข้อมูลในเดือนมิถุนายนระบุว่า สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว เพิ่มขึ้นจาก 9% ในเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ในเดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ 56% กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่คนที่มีสุขภาพแข็งแรงควรใช้ชีวิตได้ตามปกติมากเท่าที่จะทำได้แทนการต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ภายในที่พักเหมือนในปีที่ผ่านมา
การสำรวจนี้ถูกจัดทำระหว่างวันที่ 14 มิ.ย – วันที่ 20 มิ.ย และผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามเป็นชาวอเมริกันกลุ่มวัยผู้ใหญ่ สัดส่วนความผิดพลาดอยู่ที่ 2%
ล่าสุดมาถึงวันอาทิตย์(27) มีชาวอเมริกันจำนวน 53.9% ที่ได้รับวัคซีนรครบโดส ขณะที่ 63.1% ชาวอเมริกันที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไปได้รับเข็มแรกแล้ว และในกลุ่มผู้ใหญ่มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก 66%