ราคาน้ำมันขยับลงต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันจันทร์ (28 มิ.ย.) หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2018 ในช่วงต้นของการซื้อขาย นักลงทุนกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเอเชีย ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับขึ้นเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเอเชีย โดยเฉพาะในอาเซียน จะกระทบต่ออุปสงค์ทางพลังงาน โดยอินโดนีเซียกำลังเผชิญกับเคสผู้ติดเชื้อสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด มาเลเซียต้องขยายมาตรการล็อกดาวน์ และไทยแถลงกำหนดข้อจำกัดใหม่ๆ
ออสเตรเลียในวันอาทิตย์ (27 มิ.ย.) ก็รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในท้องถิ่นรายใหม่รายวัน สูงที่สุดวันหนึ่งของปี 2021 กระตุ้นให้บางเมืองต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันจันทร์ (28 มิ.ย.) แนสแดคและเอสแอนด์พี 500 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่ความอ่อนไหวอ่อนแอของหุ้นกลุ่มภาคการเงินและอุตสาหกรรมฉุดให้ดาวโจนส์ขยับลง
ดาวโจนส์ลดลง 150.57 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,283.27 จุด เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 9.91 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,290.61 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 140.12 จุด (0.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,500.51 จุด
หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างปรับขึ้นถ้วนหน้า นำโดยเฟซบุ๊ก ซึ่งทะยาน 4.2% ทำให้มีมูลค่าตลาดทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากศาลแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ปฏิเสธคำร้องป้องกันการผูกขาด (Anti-Trust) ของหน่วยงานรัฐบาลกลาง ที่มีต่อบริษัทสื่อสังคมออนไลน์รายใหญ่แห่งนี้
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (28 มิ.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย ขยับขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,780.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์ส)