คณะกรรมการการค้ารัฐบาลกลางสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ (25 มิ.ย.) มีคำสั่งให้ 7-Eleven ในสหรัฐฯ ขายสาขาเกือบ 300 แห่ง หลังจากบริษัทค้าปลีกรายใหญแห่งนี้เพิ่งทุ่มเงิน 21,000 ล้านดอลลาร์ เข้าซื้อกิจการสปรีดเวย์ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และสถานีบริการน้ำมันจากมาราธอน ปิโตรเลียม
มาราธอน ปิโตรเลียม ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายสปรีดเวย์ และ 7-Eleven ซึ่งมีเซเว่นแอนด์ไอ โฮลดิ้งส์ (Seven & I Holdings Co Ltd) บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเป็นเจ้าของ แถลงเมื่อเดือนที่แล้วว่า พวกเขาใกล้บรรลุข้อตกลงซื้อขายกิจการมูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 3,800 สาขาใน 36 รัฐ
รอยเตอร์สอ้างความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 รายของคณะกรรมการการค้าสหรัฐฯ (เอฟทีซี) ซึ่งเคยบอกว่า ข้อตกลงนี้มีความเป็นไปได้ที่จะไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย ด้วยพวกเขามีความกังวลว่ามันจะทำให้เกิดการผูกขาดทางการค้า
สืบเนื่องจากตลาดน้ำมันเบนซินและดีเซล คือธุรกิจท้องถิ่น จึงเกิดเสียงคร่ำครวญกล่าวอ้างวาการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดน้ำมัน 293 แห่งใน 20 รัฐของอเมริกา
ในคำสั่งที่เป็นไปตามความยินยอมของทั้ง 2 บริษัท ทางคณะกรรมการการค้าสหรัฐฯ (เอฟทีซี) บังคับให้ 7-Eleven และมาราธอน ขายร้านสะดวกซื้อและสถานีบริการน้ำมันให้แก่บรรดาบริษัทคู่แข่ง 293 สาขา ประกอบด้วย อานาบี ออย 124 แห่ง ครอสส์ อเมริกา พาร์ทเนอร์ส 106 แห่ง และแจ็ควัน ฟู้ด สโตร์ส 63 แห่ง
(ที่มา : รอยเตอร์)