รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียออกคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า เฉพาะในกลุ่มคนที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป หลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้รับวัคซีนบางคนที่อายุต่ำกว่า
เกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย แถลงวันนี้ (17 มิ.ย.) ว่า ออสเตรเลียได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้แก่ประชาชนไปแล้วประมาณ 3.3 ล้านโดส และพบผู้ที่เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันหลังรับวัคซีน 60 ราย เสียชีวิตไป 2 ราย
“สิ่งสำคัญอันดับแรกที่รัฐบาลคำนึงถึงก็คือ ความปลอดภัย” ฮันต์ ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงแคนเบอร์รา
“คำแนะนำที่เราประกาศในวันนี้อ้างอิงจากหลักฐานใหม่ๆ ที่บ่งบอกความเสี่ยงสูงในการเกิดลิ่มเลือด หรือ thrombocytopenia syndrome ในคนอายุระหว่าง 50-59 ปี”
ความกังวลเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มคนหนุ่มสาวทำให้รัฐบาลออสเตรเลียมีคำสั่งในเดือน เม.ย. ให้จำกัดการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เฉพาะในกลุ่มประชากรที่อายุเกินกว่า 50 ปีขึ้นไป
หลายประเทศในสหภาพยุโรปเองก็ได้กำหนดอายุขั้นต่ำสำหรับผู้ที่จะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยมีตั้งแต่ 50 ปีเรื่อยไปจนถึง 65 ปี
ฮันต์ ยืนยันว่า คำแนะนำล่าสุดนี้จะไม่กระทบต่อแผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาล ซึ่งตั้งเป้าเอาไว้ว่าประชาชนชาวออสเตรเลียทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ภายในสิ้นปี 2021
ในเดือน เม.ย. รัฐบาลออสซี่ได้ขยายคำสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเป็น 40 ล้านโดส และยังสั่งวัคซีนของโมเดอร์นาเข้ามาช่วยอีก 25 ล้านโดส
การปรับนโยบายด้านวัคซีนครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่นิวเซาท์เวลส์ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลียกำลังเร่งควบคุมการระบาดแบบ “คลัสเตอร์” ซึ่งเวลานี้พบผู้ป่วยยืนยันในชุมชนแล้วอย่างน้อย 4 ราย
สถานที่หลายสิบแห่งในนครซิดนีย์ รวมถึงโรงภาพยนตร์ ซูเปอร์มาร์เกต และศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในย่านบอนดี (Bondi) ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่เสี่ยงสูง
ออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งชาติที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการควบคุมโควิด-19 โดยมีการออกคำสั่งล็อกดาวน์ ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว รวมถึงบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อยืนยันของแดนจิงโจ้ยังอยู่ที่ราวๆ 30,300 คน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 910 คน
ที่มา : รอยเตอร์