วัคซีนโคโรนาแวคของบริษัทซิโนแวคลดการเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ถึง 97% จากผลเบื้องต้นจากการใช้งานจริงในโครงการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชนในอุรุกวัย ประเทศที่พึ่งพิงวัคซีนสัญชาติจีนตัวนี้เป็นอย่างมาก
รายงานที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขอุรุกวัยยังพบด้วยว่าในคนที่ได้รับครบ 2 โดส วัคซีนโคโรนาแวคช่วยลดการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 57% และลดการติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 95%
เมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีนตัวอื่นๆ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน วัคซีนโคโรนาแวคที่ผลิตโดยซิโนแวค บริษัทสัญชาติจีน มีการเผยแพร่รายงานทางวิทยาศาสตร์เพียงเล็กน้อย และผลที่เผยแพร่ออกมาแต่ละครั้งนั้นมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก
กระนั้นก็ตาม วัคซีนโคโรนาแวคถูกใช้กันอย่างกว้างขวางในจีน และในชาติอื่นๆ อีกหลายสิบประเทศทั่วโลก
ชีลีเผยแพร่รายงานเมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่าผลเบื้องต้นจากโครงการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชน พบวัคซีนโคโรนาแวคมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แบบแสดงอาการ 67% และป้องกันการเสียชีวิต 80%
ส่วนผลการทดลองวัคซีนโคโรนาแวคในบราซิล พบว่ามันมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการ 50% ผิดกับข้อมูลในตุรกีบอกว่ามันมีประสิทธิภาพมากกว่า 80%
อุรุกวัยเริ่มโครงการฉีดวัคซีนในวันที่ 1 มีนาคม ในนั้น 80% เป็นการใช้วัคซีนโคโรนาแวค ขณะที่พวกเขาสงวนวัคซีนของไฟเซอร์-โบโอเอ็นเทคใช้กับคนสูงวัย เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และบุคคลที่มีโรคประจำตัว
ผลลัพธ์ที่ออกมานี้อยู่บนพื้นฐานของประชาชน 862,000 คน แบ่งเป็นวัคซีนโคโรนาแวค 712,000 คนและไฟเซอร์เกือบ 150,000 คน 2 สัปดาห์หลังจากฉีดวัคซีนครบ 2 โดส
ในผลลัพธ์พบว่าวัคซีนของไฟเซอร์สามารถป้องกันการติดเชื้อ 75% ป้องกันการติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้าห้องไอซียู 99% และมีประสิทธิภาพป้องกันการเสียชีวิต 80%
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงสาธารณสุขอุรุกวัยเน้นย้ำว่าไม่สามารถทำผลลัพธ์ของวัคซีนทั้ง 2 ตัวมาเปรียบเทียบกันโดยตรง เนื่องจากผู้รับวัคซีนของไฟเซอร์ในอุรกวัยนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นบุคคลในกลุ่มเสี่ยงสูง
โคโรนาแวค เป็นวัคซีนในรูปแบบดั้งเดิม ผลิตโดยนำเชื้อไวรัสมาเพาะเลี้ยงแล้วทำให้เชื้อตาย แล้วฉีดเข้าร่างกายเพื่อก่อการตอบสนองแบบธรรมชาติสร้างระบบภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโรค ส่วน ไฟเซอร์ ใช้เทคโนโลยีใหม่สังเคราะห์สารพันธุกรรมเอ็มอาร์เอ็นเอ (messenger RNA หรือ mRNA)
อุรุกวัย ประเทศที่มีประชากร 3.5 ลานคน ฉีดวัคซีนแก่กลุ่มประชากรเป้าหมายอย่างน้อย 1 โดสแล้ว 45.8% และครบ 2 โดส 28.29% จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงเป็นลำดับ 3 ของทวีปอเมริกา เป็นรองเพียงชิลี และสหรัฐฯ
ประเทศแห่งนี้ไม่เคยล็อกดาวน์ และพบผู้ติดเชื้อค่อนข้างน้อยในช่วงเดือนแรกๆ ของการแพร่ระบาด ทว่าไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งทะยาน และทำให้ประเทศแห่งนี้กลายเป็นชาติลำดับต้นๆ ของโลกที่มีอัตราผู้เสียชีวิตต่อจำนวนประชากรสูงสุด
กระทรวงสาธารณสุขอุรุกวัยเน้นย้ำว่าผลที่ออกมาเป็นเพียงแค่ผลในเบื้องต้น และควรถูกตีความอย่างระมัดระวัง เนื่องจากข้อมูลบางส่วนยังไม่ได้ประมวลผล
(ที่มา : เอเอฟพี)