xs
xsm
sm
md
lg

‘นายกฯ ไต้หวัน’ ลั่นไม่ยกระดับเตือนโควิด-19 มั่นใจยังคุมสถานการณ์ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ซู เจิงชาง นายกรัฐมนตรีไต้หวัน ออกมาเบรกกระแสความกังวลเกี่ยวกับคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศ โดยระบุวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า “ยังไม่มีความจำเป็น” ที่จะต้องยกระดับการเตือนโควิด-19 และหากเทียบกับเมื่อปีที่แล้วถือว่าไต้หวันมีประสบการณ์และทรัพยากรมากขึ้นที่จะต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่

ไต้หวันไม่เคยใช้มาตรการล็อกดาวน์มาก่อน และจนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมเพียง 1,233 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร 24 ล้านคน ทว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีการพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อใหม่ในท้องถิ่นโดยไม่ทราบแหล่งต้นตอ ซึ่งสร้างความกังวลทั้งต่อประชาชนและนักลงทุนในตลาดหุ้น

ซูโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า ช่วงเวลา 2 สัปดาห์นับจากนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง และจำเป็นที่จะต้องตัดห่วงโซ่การระบาดให้ได้

“เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว เรามีประสบการณ์และทรัพยากรมากขึ้นที่จะต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่โควิด-19” นายกฯ ไต้หวันกล่าว “ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลางกับฝ่ายบริหารส่วนท้องถิ่น ศูนย์บัญชาการกลางสามารถตรวจพบห่วงโซ่การระบาดในกลุ่มผู้ติดเชื้อยืนยัน และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับคำเตือน”

ก่อนหน้านี้ เฉิน สือจง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขไต้หวัน ได้ออกมาเตือนเมื่อวันพุธ (12) ว่า รัฐอาจมีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมโรคในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และอาจจะต้องสั่งปิดภาคธุรกิจบางส่วน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นไต้หวันร่วงหนักจนเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นๆ ต้องออกมาแก้ข่าวเพื่อลดความกังวล

รัฐบาลไต้หวันเสนอร่างงบประมาณส่วนเสริมอีก 210,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญพิษโควิด-19 แม้อัตราการเติบโตในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะถือว่าเร็วสุดในรอบทศวรรษ โดยได้อานิสงส์จากนโยบาย “ทำงานจากบ้าน” ที่ช่วยให้อุปสงค์สินค้าไฮเทคส่งออกของไต้หวันเพิ่มสูงขึ้น

ซูยืนยันว่า รัฐบาลจะอัดฉีดงบประมาณรายจ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ และเตรียมมาตรการรองรับในกรณีที่โควิด-19 กลับมาระบาดซ้ำ

คลัสเตอร์ผู้ป่วยในไต้หวันถูกพบว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อจากโรงแรมในสนามบิน และกลุ่มนักบินของสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ส ทว่ายังไม่สามารถระบุแหล่งต้นตอที่แน่นอนได้

ที่มา : รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น