ไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (31 มี.ค.) ว่าวัคซีนของพวกเขามีประสิทธิภาพต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 100% ในเด็กอายุ 12 ถึง 15 ปี พร้อมหวังได้รับอนุมัติใช้กับคนวัยเยาว์ก่อนปีการศึกษาถัดไป
ทั้งสองบริษัทระบุในถ้อยแถลงว่า การทดลองขั้นที่ 3 กับยุวชน 2,260 รายในสหรัฐฯ “พิสูจน์ถึงประสิทธิภาพ 100% และการตอบสนองแอนติบอดีที่แข็งแกร่ง”
ด้าน อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไฟเซอร์ระบุว่า “เรามีแผนยื่นข้อมูลนี้ต่อ FDA (คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ) เสนอแก้ไขการอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินของเราในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และยื่นข้อมูลต่อคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบอื่นๆ ทั่วโลก ด้วยความหวังว่าจะเริ่มฉีดวัคซนให้กลุ่มอายุนี้ก่อนเริ่มปีการศึกษาหน้า”
ส่วนประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบโอเอ็นเทค บริษัทสัญชาติเยอรมนี เสริมว่า ผลการทดลองที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการป้องกันระดับสูงสำหรับคนวัยเยาว์ “เป็นสิ่งที่สร้างขวัญและกำลังใจอย่างมาก โดยในเฉพาะในแนวโน้มที่เราพบเห็นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์สหราชอาณาจักร B.1.1.7”
วัคซีนของไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์ สร้างจากใช้พื้นฐานของเทคโนโลยี mRNA และเป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติในตะวันตกในช่วงปลายปีที่แล้ว
ทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปต่างเห็นชอบอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินกับบุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมันถูกใช้กับผู้คนหลายล้านรายในชาติต่างๆ มากกว่า 65 ประเทศทั่วโลก
ผลการศึกษาในโลกจริงซึ่งเกี่ยวข้องกับประชาชน 1.2 ล้านคนในอิสราเอล พบว่าวัคซีนของไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพสูงถึง 94%
ในขณะที่โลกกำลังตะเกียกตะกายฉีดวัคซีน ไบโอเอ็นเทคเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (30 มี.ค.) ว่าพวกเขาอยู่บนเส้นทางของการผลิตวัคซีน 2,500 ล้านโดสในปีนี้
กำลังผลิตที่สูงขึ้นเป็นจากการเพิ่งเปิดแหล่งผลิตใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ในเมืองมาร์บวร์ก ของเยอรมนี ซึ่งตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตวัคซีน mRNA ใหญ่ที่สุดในโลก ทางบริษัทระบุ
นอกจากนี้แล้วยังมีการผลิตวัคซีนตัวดังกล่าวที่โรงงานแห่งหนึ่งของไฟเซอร์ในเบลเยียม และอีก 3 โรงงานในสหรัฐฯ
ไบโอเอ็นเทคระบุว่า ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และข้อตกลงความร่วมมือใหม่กับบรรดาพันธมิตรภายนอกจะช่วยยกระดับเป้าหมายการผลิตวัคซีนของพวกเขาเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไบโอเอ็นเทคและไฟเซอร์เริ่มทำการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนกับเด็กอายุน้อย โดยฉีดวัคซีนให้เด็กอายุระหว่าง 5 ถึง 11 ขวบ กลุ่มแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ คาดหมายว่าจะเริ่มให้วัคซีนโดสแรกแก่เด็กกลุ่มอายุ 2 ถึง 5 ขวบในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะครอบคลุมทารกวัยแบบเบาะอายุต่ำสุด 6 เดือนด้วย
(ที่มา : เอเอฟพี)