พายุฤดูหนาวครั้งประวัติศาสตร์ฉุดอุณหภูมิดำดิ่งในฮิวสตัน ต่ำกว่าบางพื้นที่ในอะแลสกา ส่งผลให้ชาวเทกซัสหลายล้านคนต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าใช้ และก่อทอร์นาโดอันตรายโหมกระพือเล่นงานภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (16 ก.พ.)
สภาพอากาศหนาวเหน็บปกคลุมพื้นที่อันกว้างขวางของสหรัฐฯ ส่งผลให้ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 หลายแห่งต้องปิดทำการ และเสี่ยงก่อความยุ่งเหยิงแก่อุปทานวัคซีนในบางพื้นที่
พวกเจ้าหน้าที่ในเทกซัส ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง หลังเครือข่ายจ่ายไฟฟ้าของรัฐขัดข้องซ้ำๆ ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับทั่วรัฐ และด้วยสภาพอากาศที่ยังคงเลวร้าย จึงเป็นเรื่องยากที่เหล่าบริษัทพลังงานจะกู้ไฟฟ้าคืนสู่ระดับที่เพียงพอต่อความอุปสงค์ที่สูงลิ่ว
ซิลเวสเตอร์ เทอร์เนอร์ นายกเทศมนตรี ฮิวสตัน แถลงข่าวในตอนเที่ยงวัน ระบุว่าประชาชน 1.3 ลานคนในเมืองของเขายังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ และทางเมืองกำลังมองหาศูนย์ธุรกิจต่างๆ ที่ไฟฟ้ายังติดอยู่ สำหรับเปิดเป็นศูนย์พักพิงฉุกเฉินมอบความอบอุ่นแก่ผูุ้คน
เทอร์เนอร์ บอกว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในฮิวสตัน จะต้องปิดทำการในวันพุธ (17 ก.พ.) และบางทีอาจรวมถึงวันพฤหัสบดี (18 ก.พ.) ด้วย ส่วนกรมสาธารณสุขแห่งรัฐเทกซัส ระบุการส่งมอบวัคซีนทั่วรัฐอาจประสบปัญหาล่าช้า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่
“ไม่มีใครต้องการเอาวัคซีนไปเสี่ยง ด้วยการพยายามส่งมอบวัคซีนในสภาพอากาศที่อันตรายเช่นนี้” โฆษกของกรมสาธารณสุขแห่งรัฐกล่าว “ผู้ส่งมอบวัคซีนท้องถิ่นระงับปฏิบัติการตามคลินิกวัคซีนต่างๆ เพราะว่ามันไม่ปลอดภัยสำหรับประชาชนทั่วรัฐเทกซัส หากต้องออกมาข้างนอก”
ในนิวเม็กซิโก รัฐเพื่อนบ้าน โฆษกของรัฐเปิดเผยว่าการส่งมอบวัคซีนของไฟเซอร์ของทางรัฐ ประสบปัญหาล่าช้าบางส่วน โดยทางบริษัทและรัฐกำลังติดต่อประสานงานกับผู้ส่งมอบ อย่างไรก็ตาม คาดหมายว่าปัญหาล่าช้านี้น่าจะเกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ และไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการฉีดวัคซีนในภาพรวม
อากาศอันหนาวเหน็บยังนำพาความยุ่งเหยิงมาสู่ภาคพลังงานของรัฐเทกซัส ทำให้ปฏิบัติการบริเวณช่องทางเดินเรือฮิวสตัสต้องหยุดนิ่ง และส่งผลกระทบต่อกำลังผลิตที่แหล่งน้ำมัน Permian ทางตะวันตกของเทกซัส ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันใหญ่ที่สุดของประเทศ นอกจากนี้แล้วยังพบว่าโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่หลายๆแห่งต้องหยุดปฏิบัติการเช่นกัน
นักพยากรณ์อากาศคาดหมายว่าสภาพอากาศเลวร้ายจะยังคงเกาะกุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ตั้งแต่วันอังคาร (16 ก.พ.) ไปจนถึงวันศุกร์ (19 ก.พ.) และพยากรณ์ว่าจะมีหิมะหนา 4 นิ้ว และฝนเยือกแข็ง ตกลงมาเล่นงานหลายพื้นที่ ไล่ตั้งแต่พื้นที่ราบทางใต้ไปจนถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มวลอากาศอาร์กติกแผ่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ฉุดอุณหภูมิดำดิ่งต่ำสุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ในวันอังคาร (16 ก.พ.) จากคำกล่าวของนักพยากรณ์อากาศ โดยในเมืองลินคอล์น รัฐเนแบรสกา วัดอุณหภูมิได้ -35 องศาเซลเซียส ทุบสถิติเดิม -27 องศาเซลเซียส ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1978
ที่ดัลลัส ฟอร์ตเวิร์ธ วัดอุณหภูมิได้ -17 องศาเซลเซียส ทุบสถิติเดิม -11 องศาเซลเซียส ซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี 1903
สภาพท้องถนนที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชาชน 1 คนจากทั้งหมด 4 คน ที่มีต้นตอการตายเกี่ยวข้องกับกับสภาพอากาศเลวร้าย ส่วนที่เหลือนั้น 1 รายเป็นคนเร่ร่อน และ 2 คนเสียชีวิตสืบเนื่องจากเป็นเหยื่อควันพิษคาร์บอนมอนอกไซด์
ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ระบบความกดอากาศต่ำก่อตัวตามแนวชายฝั่งอาร์กติก โหมกระพือพายุที่ปลดปล่อยทอร์นาโดอย่างน้อยๆ 4 ลูก หนึ่งในนั้นซัดผ่านบริเวณพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐฟลอริดา ที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า Florida Panhandle (ฟลอริดา แพนแฮนเดิล) ส่วนอีก 2 ลูก เคลื่อนผ่านทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐจอร์เจียเมื่อวันจันทร์ (15 ก.พ.)
ส่วนลูกที่ 4 ซึ่งเป็นพายุหมุนรุนแรงที่สุด คร่าชีวิตผู้คนไป 3 รายและซัดถล่มบ้านเรือนหลายหลังพังราบ หลังโหมกระพือเคลื่อนผ่านบรุนส์วิค เคาน์ตี ตามแนวชายฝั่งของรัฐนอร์ทแคโรไลนา จากการเปิดเผยของสำนักงานนายอำเภอท้องถิ่นในวันอังคาร (16 ก.พ.)
(ที่มา : รอยเตอร์)