แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (15 ก.พ.) ว่า สภาคองเกรสจะจัดตั้งคณะกรรมการที่มาจากบุคคลภายนอกและเป็นอิสระ ตรวจสอบทบทวน “ข้อเท็จจริงและมูลเหตุต่างๆ” ที่สัมพันธ์กับเหตุบรรดาผู้สนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ณ ขณะนั้น บุกโจมตีสูญเสียเลือดเนื้อ ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม
เปโลซี เขียนหนังสือถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่า คณะกรรมการชุดนี้จะมีต้นแบบคลายคลึงกับคณะกรรมการชุดที่ถูกจัดตั้งขึ้นหลังเหตุวินาศกรรมโจมตีนิวยอร์กและเพนตากอน 11 กันยายน 2011 พร้อมระบุว่า คณะกรรมการจะตรวจสอบ “ข้อเท็จจริงและมูลเหตุต่างๆ ที่เกี่ยวของกับความพร้อม การตอบสนองของตำรวจรัฐสภา เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายระดับรัฐบาลกลาง ระดับรัฐและระดับท้องถิ่น ด้วยเช่นกัน”
ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ มอบหมายให้ รัสเซล ออนอเร อดีตพลโทแห่งกองทัพอเมริกาที่เกษียณอายุแล้ว เป็นผู้ประเมินมาตรการความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับอาคารรัฐสภาตามหลัเงหตุโจมตี บนพื้นฐานที่เขาค้นพบชั่วคราว พร้อมบอกว่าสภาคองเกรสต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อมอบความปลอดภัยแก่สมาชิกสภาคองเกรสและดูแลความปลอดภัยแก่อาคารรัฐสภา
เธอบอกว่า “จากสิ่งที่เขาค้นพบและจากกระบวนการพิจารณาถอดถอน มันชัดเจน เราควรได้รู้ความจริงว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร”
นานกว่า 1 เดือนแล้ว หลังจากบรรดาผู้สนับสนุนของทรัมป์ บุกโจมตีอาคารรัฐสภา ในความพยายามขัดขวางกระบวนการรับรองชัยชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของ โจ ไบเดน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย อาคารรัฐสภายังคงอยูู่ภายใต้การอารักขาของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมากกว่า 5,000 นาย และถูกล้อมรอบด้วยแนวรั้วสูงกว่า 8 ฟุต ติดลวดหนามไว้ด้านบน ทั้งนี้ คาดหมายว่าทหารจะยังคงประจำการอยู่เช่นนี้ต่อไปจนถึงช่วงกลางเดือนมีนาคม
เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้บัญชาการตำรวจรัฐสภา เรียกร้องสมาชิกสภาคองเกรสต่อเติมแนวรั้วถาวรและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสำรอง โดนเน้นว่าการประเมินด้านความปลอดภัยในปี 2006 ได้มีคำแนะนำให้ติดตั้งแนวรั้วถาวรรอบๆ อาคารรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม สมาชิกรัฐสภาหลายคน และ มูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีวอชิงตัน ไม่เห็นด้วย โดยเรียกร้องบรรดาผู้นำสภาคองเกรส อย่าเลือกใช้แนวทางติดตั้งแนวรั้วถาวร หรือประจำการทหารรักษาความปลอดภัยอย่างถาวร
จนถึงตอนนี้มีมากกว่า 200 คนแล้วที่ถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมต่างๆ ในเหตุโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม อันนำมาซึ่งกระบวนการพิจารณาถอดถอนทรัมป์ ตามข้อกล่าวหายุยงก่อกบฏ อย่างไรก็ตาม วุฒิสภาลงมติให้ทรัมป์พ้นจากข้อกล่าวหา ด้วยคะแนน 57-43 เสียง เมื่อวันเสาร์ (13 ก.พ.)
(ที่มา: รอยเตอร์)