ญี่ปุ่นขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือโควิด-19ในกรุงโตเกียวและ 9 จังหวัดใกล้เคียง ออกไปอีก 1 เดือน ย้ำยังต้องเฝ้าระวังแม้จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงตั้งแต่ต้นเดือนที่แล้ว ขณะที่มาเลเซียก็ใช้มาตรการล็อกดาวน์ต่อจนถึงกลางเดือนนี้ เนื่องจากเคสใหม่รายวันยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกรัฐ ด้าน WHO โต้เสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการส่งคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติสอบสวนที่มาไวรัสในเมืองอู่ฮั่น ท้าพวกอวดอ้างให้เอาข้อมูลออกมาแชร์กันจะจะ
ในวันอังคาร (2 ก.พ.) นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ ของญี่ปุ่น แถลงระหว่างการประชุมทีมเฉพาะกิจเพื่อรับมือวิกฤตโรคระบาดว่า รัฐบาลจะขยายสถานการณ์ฉุกเฉินด้านไวรัสโคโรนาในโตเกียวและอีก 9 จังหวัดต่อไปอีกหนึ่งเดือนจนถึงวันที่ 7 มีนาคม
ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินของแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ได้ให้อำนาจบังคับตามกฎหมายแก่ทางการ โดยรัฐบาลต้องใช้การขอร้อง เช่นให้ประชาชนงดเดินทางไปยังสถานที่ที่มีคนแออัด งดกินอาหารนอกบ้านเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ขอให้ร้านอาหารและบาร์ปิดให้บริการเวลา 20.00 น. รวมทั้งขอให้นายจ้างอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน กระนั้นก็มักได้รับการตอบสนองจากประชาชนและสังคม
สำหรับจังหวัดที่จะขยายสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ ได้แก่ โตเกียว ไซตามะ ชิบะ คานากาวะ โอซากา เกียวโต เฮียวโงะ ฟูกูโอกะ ไอจิ และกิฟุ ขณะที่โตชิกิจะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินตามกำหนดเดิมคือวันอาทิตย์นี้ (7) เนื่องจากภาวะต่างๆ ดีขึ้นแล้ว
โนริฮิสะ ทามูระ รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในโตเกียวและทั่วประเทศได้ลดลงตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม แต่ยังควรต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเสริมว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ 80% อยู่ใน 10 จังหวัดที่บังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ส่วนที่มาเลเซียในวันอังคารเช่นกัน อิสมาอิล ซาบรี ยาค็อบ รัฐมนตรีกลาโหม ได้แถลงขยายเวลาใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในวันพฤหัสฯ (4) ออกไปอีก 2 สัปดาห์จนถึงวันที่ 18 เดือนนี้ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกรัฐ รวมทั้งมีการระบาดแบบกระจัดกระจายในชุมชนสูงมาก
มาตรการล็อกดาวน์จะอนุญาตให้ธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กเปิดดำเนินการได้ แต่ยังห้ามการเดินทางระหว่างรัฐและกิจกรรมทางสังคมต่างๆ
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ (1) มาเลเซียพบเคสใหม่กว่า 4,000 คน และต่อมาในวันอังคารยังพบผู้เสียชีวิตสูงสุดในรอบวันเป็นจำนวน 21 คน ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่ 791 คน ขณะจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่ 3,455 คน รวมจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 222,628 คน
ที่องค์การอนามัยโลก ในนครเจนีวา ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) ตอบโต้เสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการที่ WHO ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ เดินทางไปสอบสวนหาที่มาของไวรัสโคโรนาในเมืองอู่ฮั่นของจีน โดยเขาถามหาความรับผิดชอบจากพวกซึ่งบอกแล้วว่าจะไม่ยอมรับรายงานการสอบสวนทั้งที่ทีมผู้เชี่ยวชาญยังไม่ได้จัดทำออกมา พร้อมกันนั้นเขาท้าผู้ที่อวดอ้างว่า มีข้อมูลซึ่งลึกกว่าเกี่ยวกับที่มาของการระบาด ว่าให้นำข้อมูลดังกล่าวออกมาเปิดเผย
ไรอันบอกว่า คณะผู้เชี่ยวชาญอาจไม่พบคำตอบเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด-19 และระบุว่า การเดินทางไปอู่ฮั่นถือเป็นภารกิจสืบค้นซึ่งอาจนำไปสู่คำถามใหม่ๆ
คณะผู้เชี่ยวชาญของ WHO เดินทางสู่อู่ฮั่นพร้อมภาระหนักอึ้ง.oทางการเมือง โดยจีนเพิ่งอนุญาตให้ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเข้าตรวจสอบเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์สงสัยโดยเฉพาะจากฝ่ายตะวันตก
อย่างไรก็ตาม หลังผ่านระยะกักกันโรคเมื่อเดินทางไปถึงจีน ขณะนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญได้เริ่มลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว โดยเฉพาะตลาดอาหารทะเลหัวหนานที่พบการระบาดแบบกลุ่มก้อนครั้งแรก รวมทั้งโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยโควิดกลุ่มแรกๆ และหน่วยงานสุขภาพสัตว์
มาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคเกี่ยวกับโควิด-19 ของ WHO เผยว่า ปลายสัปดาห์นี้ทีมผู้เชี่ยวชาญจะไปยังสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น
ถึงแม้นักวิจัยส่วนใหญ่ระบุว่า มีแนวโน้มมากที่สุดที่ไวรัสโคโรนาจะถือกำเนิดจากระบบนิเวศที่ถูกรบกวนของจีน ไม่ใช่เป็นฝีมือของมนุษย์ แต่ยังมีบางคน ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อว่า ไวรัสนี้หลุดมาจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่นที่ศึกษาเกี่ยวกับไวรัสในค้างคาว
แวน เคอร์คอฟ เสริมว่า ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากจากการหารือกับเจ้าหน้าที่จีนในโรงพยาบาลต่างๆ รวมถึงศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของแดนมังกร
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)