เทสลา มอเตอร์ รายงานผลกำไรประจำปีครั้งแรกในวันพุธ (28) หลังจากยอดการจัดส่งรถยนต์ที่พุ่งกระโดด สวนทางกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมกับแสดงความมั่นใจว่าจะเติบโตมากกว่านี้อีกในปี 2021
บริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ อีลอน มัสก์ ซึ่งเติบโตในตลาดวอลล์สตรีทตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ได้ประโยชน์จากการเพิ่มกำลังผลิตที่โรงงานในแคลิฟอร์เนียและจีน ในขณะที่เทสลากำลังจะตั้งโรงงานใหม่ในรัฐเทกซัสและเยอรมนีที่คาดว่าจะเริ่มการผลิตในปี 2021
“ปีที่ผ่านมา เป็นการเปลี่ยนโฉมสำหรับเทสลา” บริษัทนี้ ระบุในรายงานผลประกอบการ
“ถึงแม้ว่าจะเผชิญภัยคุกคามระดับโลก แต่เราสามารถก้าวพ้นแนวโน้มต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนี้ ในขณะที่เราเพิ่มปริมาณ ความสามารถในการทำกำไร และการสร้างเม็ดเงินอย่างมีนัยสำคัญ”
เทสลารายงานว่า ผลกำไรของปี 2020 อยู่ที่ 721 ล้านดอลลาร์ เทียบกับตัวเลขขาดทุน 862 ล้านดอลลาร์ในปี 2019
รายได้สำหรับปี 2020 เพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ เป็น 31,500 ล้านดอลลาร์ ภายหลังการจัดส่งรถยนต์เพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์ เป็นเกือบ 500,000 คัน
ในไตรมาสที่สี่ เทสลารายงานผลกำไร 270 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 157 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีกำไรเพิ่มขึ้นเพียง 46 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรายได้ตอนนั้นอยู่ที่ 10,700 ล้านดอลลาร์
นั่นเท่ากับว่า กำไรจะอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ต่อหนึ่งหุ้น ต่ำกว่า 1.01 ดอลลาร์ ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ตอนนี้เทสลายังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและกำไรสำหรับปี 2021
ในเรื่องของปริมาณ “ในช่วงเวลาหลายปีมานี้ เราคาดหวังตัวเลขเติบโตเฉลี่ย 50 เปอร์เซ็นต์ในการจัดส่งรถยนต์ สักปีหนึ่งเราอาจเติบโตเร็วยิ่งกว่านี้ ซึ่งเราคาดหวังว่าจะเป็นปี 2021” เทสลา ระบุ
ที่มา - เอเอฟพี