สหรัฐฯเผชิญวันเลวร้ายที่สุดจากโควิด-19 ทำสถิติสูงสุดใหม่รอบ 24 ชั่วโมง เสียชีวิตเกือบ 4,500 คน หรือ 1 คนทุก 3 นาที ออกระเบียบเข้มให้ผู้เดินทางเข้าต้องแสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบ ขณะที่จีนก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในมณฑลเฮยหลงเจียง เพื่อสกัดการระบาดก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน ที่คนจะออกเดินทางทั่วประเทศ ด้านไต้หวันยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากแอฟริการายแรก ส่วนรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มอีก 7 จังหวัดในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.)
ตามตัวเลขในเว็บไซต์ติดตามสถานการณ์โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 91 ล้านคนแล้ว และกำลังเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กดดันให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ต้องงัดมาตรการจำกัดเข้มงวดกลับมาบังคับใช้อีกครั้ง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อเมริกายังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดรุนแรงที่สุด วันอังคารที่ผ่านมา (12) มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯรอบ 24 ชั่วโมง ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่ 4,470 คน รวมเป็น 380,000 คน โดยประมาณ หรือ 1 ใน 5 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีกว่า 235,000 คน
วันเดียวกันนั้น ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐฯ ประกาศว่า นับจากวันที่ 26 เดือนนี้ นักเดินทางจากประเทศอื่นทั้งหมด ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบก่อนออกเดินทางไปอเมริกา หรือมีเอกสารรับรองว่า รักษาโควิดหายแล้ว
ทางด้านจีน รัฐบาลของมณฑลเฮยหลงเจียง ที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และมีประชากร 37.5 ล้านคน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันพุธ (13) ห้ามประชาชนเดินทางออกนอกมณฑล ยกเว้นมีความจำเป็น รวมทั้งสั่งยกเลิกการประชุมและการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ หลังพบผู้ติดเชื้อ 28 คน ในจำนวนนี้มี 12 คน ไม่แสดงอาการ
ทั้งนี้ มีผู้ติดเชื้อ 3 ราย พบในเมืองเอกของมณฑล ซึ่งคือ เมืองฮาร์บิน ที่กำลังเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลประติมากรรมน้ำแข็งซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง และปกติแล้วสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นเจ้ามาก
ด้าน เมืองสุ่ยหัว ซึ่งอยู่ติดกับตอนเหนือของฮาร์บิน และมีประชากรกว่า 5.2 ล้านคน ก็ถูกล็อกดาวน์มาตั้งแต่วันจันทร์ (11) ภายหลังมีรายงานว่า พบเคสยืนยันติดเชื้อโควิด 1 ราย และเคสไม่แสดงอาการอีก 45 ราย
พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบระบุในวันพุธ (13) ว่า มีเมืองเล็กๆ อีกหลายแห่งที่อยู่ใกล้ๆ สุยหัว ได้ถูกล็อกดาวน์หรือไม่ก็ประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางด้วย
คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีน รายงานในวันเดียวกันว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศ 115 คน ในจำนวนนี้ 90 คนอยู่ในการระบาดแบบกลุ่มก้อนในมณฑลเหอเป่ยใกล้ปักกิ่ง
ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายเมืองของจีนสั่งล็อกดาวน์ ห้ามการเดินทางทันที พร้อมกับออกตรวจหาเชื้อในประชาชนหลายสิบล้านคน โดยขณะนี้มีชาวจีนที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์บางรูปแบบราว 20 ล้านคน แม้พบผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ก็ตาม
นอกจากนั้น จีนยังกำลังเร่งฉีดวัคซีนของบริษัทท้องถิ่นให้ประชาชนก่อนถึงเทศกาลตรุษจีนในเดือนหน้า ซึ่งประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาครั้งใหญ่ ทำให้มีความเสี่ยงว่า ไวรัสโคโรนาอาจกลับมาระบาดรอบใหม่หลังจากที่จีนสามารถควบคุมได้เป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี เฟิง สีเจี้ยน เจ้าหน้าที่อาวุโสของศูนย์เพื่อการควบคุมโรค ยืนยันว่า ไม่มีแนวโน้มที่จีนจะเผชิญการระบาดขนาดใหญ่ เนื่องจากมีความเข้าใจไวรัสโคโรนามากขึ้นหลังจากสู้กันมากว่าปี
ขณะเดียวกัน ไต้หวันยืนยันเมื่อวันพุธพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้คนแรก เป็นชาวอีสวาตินี (ชื่อเดิมคือประเทศสวาซีแลนด์) ซึ่งเป็นประเทศเดียวในแอฟริกาที่ยังคงเป็นพันธมิตรทางการทูตกับไต้หวัน
ผู้ติดเชื้อคนดังกล่าวเป็นชายวัย 20 ปี เดินทางถึงไต้หวันเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม เริ่มมีอาการระหว่างการกักตัว และได้รับการยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา
วันเดียวกัน ศูนย์บัญชาการโรคระบาดกลางของไต้หวัน ออกคำสั่งให้ผู้ที่เดินทางจากแอฟริกาใต้ หรือ อีสวาตินี ทั้งหมดต้องถูกกักตัวเช่นเดียวกับผู้ที่เดินทางจากอังกฤษ ซึ่งพบไวรัสกลายพันธุ์ที่ระบาดง่ายขึ้นเหมือนกับไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้
ส่วนที่ญี่ปุ่นซึ่งกำลังเผชิญการระบาดระลอกสาม รัฐบาลแถลงเมื่อวันพุธว่า จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 7 จังหวัด ได้แก่ โอซากา เกียวโต เฮียวโงะ ฟูกูโอกะ ไอจิ กิฟุ และ โตชิกิ เพิ่มเติมจากโตเกียวและ 3 จังหวัดใกล้เคียง โดยคาดว่า จะจัดแถลงข่าวนี้ในวันพฤหัสบดี (14) ขณะที่ผลสำรวจพบว่า ประชาชนจำนวนมากขึ้นคัดค้านการจัดกีฬาโอลิมปิกในปีนี้
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดโอซากา เกียวโต และจังหวัดอื่นๆ ที่มีไวรัสระบาดรุนแรง ขอให้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสามารถบังคับใช้มาตรการจำกัดเข้มงบวดกับประชาชนและภาคธุรกิจ ขณะที่นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ กังวลว่า มาตรการเหล่านั้นจะยิ่งทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจยิ่งซึมเซา
ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 300,000 คน และยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 4,187 คน
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)