เจ้าหน้าที่รถพยาบาลในนครลอสแองเจลิส ได้รับคำสั่งให้งดรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งไม่สามารถช่วยให้รอดชีวิตได้ รวมทั้งให้จำกัดการใช้ออกซิเจน ขณะที่สถานการณ์การระบาดในพื้นที่บริเวณนี้ของสหรัฐฯมีแนวโน้มเลวร้ายสุดขีดภายในเดือนนี้ ทางด้านจีนสั่งปิดเมืองหลวงมณฑลเหอเป่ย เพื่อสกัดการระบาดแต่เนิ่นๆ
รัฐแคลิฟอร์เนีย กลับมาเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนาล่าสุดของสหรัฐฯอีกครั้ง เฉพาะช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเกือบ 4,000 คน และในช่วง 7 วันล่าสุด มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่ารัฐอื่นๆ กว่า 2 เท่าตัว
ที่ลอสแองเจลิสซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของแคลิฟอร์เนีย สื่อต่างรายงานว่าโรงพยาบาลบางแห่งที่มีผู้ป่วยล้นอยู่แล้ว กำลังใช้นโยบายไม่อนุญาตให้รถพยาบาลเข้าไปส่งผู้ป่วยเพิ่ม ขณะที่ แมเรียนน์ เกาเชอ-ฮิลล์ ผู้อำนวยการทางการแพทย์ของสำนักงานบริการการแพทย์ฉุกเฉินเทศมณฑลลอสแองเจลิส ออกคำชี้แนะให้เจ้าหน้าที่รถพยาบาลงดรับผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่หัวใจหยุดเต้นและไม่สามารถกู้ชีพได้ นอกจากนั้น ยังชี้แนะให้เจ้าหน้าที่รถพยาบาลให้ออกซิเจนแก่ผู้ป่วยที่ระดับออกซิเจนต่ำมากๆ เท่านั้น
เวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ได้รับการฝึกเป็นนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ถูกเรียกตัวชั่วคราวไปช่วยเหลือบุคลากรในโรงพยาบาล และวิศวกรของกองทัพถูกส่งไปเสริมระบบจ่ายออกซิเจนในโรงพยาบาล 6 แห่ง
บาร์บารา เฟอร์เรอร์ ผู้อำนวยการสาธารณสุขเทศมณฑลลอสแองเจลิส กล่าวว่า ภายในเดือนนี้ แอลเอมีแนวโน้มเผชิญสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยประสบมานับจากที่โควิดเริ่มระบาด และเสริมว่า จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวในเวลาเพียงเดือนเดียวเป็น 800,000 คน ซึ่งตัวเลขนี้มีผลอย่างมากต่อระบบสุขอนามัย และบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด
ทางด้านมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานเมื่อวันอังคาร (5) ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในอเมริกาในรอบ 24 ชั่วโมง ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง โดยอยู่ที่ 3,936 คน รวมยอดสะสมเป็น 357,067 คน ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มี 250,173 คน รวมยอดสะสมกว่า 21 ล้านคน ขณะที่ โควิด แทร็กกิง โปรเจกต์ เผยว่า จำนวนผู้ป่วยโควิดที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำลายสถิติเช่นเดียวกันที่กว่า 131,000 คน
หันมาทางเอเชีย เมื่อวันพุธ (6) จีนสั่งจำกัดการเดินทางและห้ามผู้คนชุมนุมกันรวมกลุ่มในเมืองสือเจียจวง เมืองหลวงของมณฑลเหอเป่ย หลังจากมณฑลนี้ที่เข้าสู่ “โหมดสงคราม” ตั้งแต่วันอังคาร โดยพบผู้ติดเชื้อภายในท้องถิ่น 20 คน จากทั้งหมด 25 คนที่พบทั่วประเทศในวันดังกล่าว
เฉพาะเมืองสือเจียจวง ที่อยู่ห่างจากปักกิ่งไปทางใต้ราว 300 กิโลเมตรนั้น มีผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 117 คน รวมถึงอย่างน้อย 63 คนที่มีการรายงานเมื่อวันพุธ และ 78 คน เป็นพวกที่ไม่แสดงอาการ ทำให้เจ้าหน้าที่สั่งเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อทั่วพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
นอกจากนี้ เมืองที่มีประชากร 11 ล้านคนแห่งนี้ ยังปิดท่ารถบัสที่วิ่งระยะทางไกล ปิดทางหลวงสายหลักที่มุ่งหน้าสู่เมืองนี้ ห้ามการรวมกลุ่ม ปิดโรงเรียน และห้ามบุคคลภายนอกเข้าสู่อาคารที่พักอาศัย ระงับบริการจัดส่งพัสดุ 3 วัน
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในจีนเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ทางการเลือกใช้มาตรการเข้มงวดเชิงรุกเพื่อตัดไฟต้นลมไม่ให้เกิดการระบาดรอบใหม่
ขณะเดียวกัน ปักกิ่งพยายามเปลี่ยนแปลงข้อมูลสถานที่และเวลาที่ไวรัสโคโรนาเริ่มระบาด โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนย้ำผลศึกษาที่ระบุว่า ไวรัสชนิดนี้อุบัติขึ้นในหลายพื้นที่ ไม่ใช่แค่เมืองอู่ฮั่น และจีนยังปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า จัดการรับมือโรคระบาดผิดพลาดในช่วงต้นๆ
WHO โวยจีนไม่ให้วีซ่าทีมผู้เชี่ยวชาญ ขณะปักกิ่งบอกไม่ใช่เรื่องใหญ่ กำลังแก้ไขอยู่
กระนั้น เมื่อวันอังคาร เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความผิดหวังอย่างมากที่จีนยังไม่ยอมออกวีซ่าอนุญาตให้ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติของ WHO เข้าไปสืบค้นที่มาของไวรัสโคโรนา
อย่างไรก็ดี ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันพุธ (6) หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนตอบคำถามเรื่องนี้โดยใช้ท่าทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่อะไรที่ใหญ่โต ทั้งนี้ เธอกล่าวว่า ปัญหา “ไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องวีซ่า” ของทีมงานนี้เท่านั้น แต่ยังมี “ความเข้าใจผิดพลาด” กัน และทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับกำหนดเวลาตลอดจนการดำเนินการอื่นๆ พร้อมกับย้ำว่า ทั้งสองฝ่าย “ยังคงมีการติดต่อสื่อสารกันอย่างใกล้ชิด”
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)