ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ (16 ธ.ค.) ได้แรงหนุนจากข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก จากความคาดหวังต่อแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ และเฟดเน้นย้ำคำสัญญาคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำให้ศูนย์เปอร์เซ็นต์ต่อไป
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 20 เซ็นต์ ปิดที่ 47.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 32 เซ็นต์ ปิดที่ 51.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพุธ (16 ธ.ค.) คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 ธันาคม ลดลงถึง 3.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ที่ 1.9 ล้านบาร์เรล บ่งชี้อุปสงค์ภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลกค่อยๆ ฟื้นตัว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (16 ธ.ค.) ปิดผสมผสาน โดยแนสแดคแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากความหวังต่อแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ และหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ เน้นย้ำคงคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำให้ศูนย์เปอร์เซ็นต์ต่อไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ดาวโจนส์ ลดลง 44.77 จุด (0.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 30,154.54 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.55 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,701.17 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 63.13 จุด (0.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,658.19 จุด
แนสแดค และเอสแอนด์พีปิดบวก หลังเฟดให้สัญญาจะเดินหน้าอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดเพื่อต่อสู้กับภาวะถดถอย แม้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินประมาณการว่าเศรษฐกิจจะแนวโน้มที่ดีขึ้นในปีหน้า จากการเริ่มโครงการฉีดวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในวันพุธ (16 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้
ถ้อยแถลงของเฟดระบุว่า ธนาคารกลางแห่งนี้จะยังคงใช้เครื่องมือทุกอย่างในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อให้มีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นเหนือระดับเป้าหมาย 2%
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อในระยะสั้น และสร้างความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลาง
นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ วงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จนกระทั่งบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา
ขณะเดียวกัน เฟดได้ออกประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะหดตัวลงเพียง 2.4% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 3.7% ก่อนที่จะมีการขยายตัว 4.2% ในปี 2021 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4% และจะขยายตัว 3.2% ในปี 2022 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3% และจะขยายตัว 2.4% ในปี 2023 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5% รวมทั้งจะขยายตัว 1.8% ในระยะยาว จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.9%
วอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในสภาคองเกรส หลังสมาชิกรัฐสภาและผู้ช่วยหลายคนเปิดเผยว่า คณะตัวแทนเจรจาของสภาคองเกส ใกล้บรรลุข้อตกลงร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบโควิด-19 มูลค่า 9 แสนล้านดอลลาร์ ในนั้นจะรวมถึงเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจและขยายสิทธิประโยชน์คนว่างงาน วงเงินราว 6 แสนดอลลาร์ ถึง 7 แสนดอลลาร์ และสภาคองเกรสอาจเริ่มการลงมติได้ภายใน 24 ชั่วโมง
ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (16 ธ.ค.) ซื้อขายผันผวน ก่อนเพิ่มขึ้น 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,859.10 ดอลลาร์ แต่จากนั้นก็แกว่งตัวสู่แดนลบในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ หลังเฟดแถลง
(ที่มา : รอยเตอร์)