ราคาน้ำมันปรับลดราว 1.5% ในวันจันทร์ (30 พ.ย.) บรรดาชาติผู้ผลิตหลักของโลกกำลังหารือขยายกรอบเวลามาตรการลดกำลังผลิต ส่วนวอลล์สตตรีทปิดลบ จากแรงขายทำกำไร หลังพุ่งทะยานต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน ขณะที่ทองคำขยับลงพอสมควร
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 19 เซ็นต์ ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์ ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 59 เซ็นต์ ปิดที่ 47.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สมาชิกโอเปกลงมติเป็นเอกฉันท์ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการขยายกรอบเวลาข้อตกลงลดกำลังผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบันออกไปอีก 3 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวต้องได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรของพวกเขา หรือที่เรียกว่าโอเปกพลัส ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ โอเปกพลัส มีแผนประชุมหารือกันอีกครั้งในวันอังคาร (1 ธ.ค.) หลังจากบรรดารัฐมนตรีของทางกลุ่มได้พูดคุยกันไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ (29 พ.ย.) แต่ล้มเหลวในการบรรลุความเห็นที่เป็นเอกฉันท์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (30 พ.ย.) ปิดลบพอสมควร นักลงทุนขายทำกำไร หลังจากวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ จนทำให้เดือนพฤศจิกายนของปีนี้ เป็นเดือนพฤจิกายนที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอสแอนด์พี 500
ดาวโจนส์ ลดลง 271.73 จุด (0.91 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 29,638.64 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 16.72 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,621.63 จุด แนสแดค ลดลง 7.11 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,198.74 จุด
บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดทุนมีขึ้นจากการขายทำกำไรของนักลงทุน หลังขยับขึ้นต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นปี จากข่าวความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวรวดเร็วในปีหน้า
ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดทองคำ และฉุดให้ราคาทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ปิดในวันจันทร์ (30 พ.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,775.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)