ทีมทรัมป์แพ้ซ้ำซาก-ความหวังริบหรี่ ศาลไม่รับฟ้องล้มผลโหวตไปรษณีย์

เอเจนซีส์ – ศาลสูงสุดรัฐเพนซิลเวเนียปฏิเสธคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ ส่งผลให้โอกาสเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งที่แทบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วยิ่งริบหรี่ลง

ไมค์ เคลลี่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐเพนซิลเวเนียสังกัดพรรครีพับลิกัน เป็นผู้นำในการฟ้องร้องเมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ศาลสั่งให้บัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ในรัฐนี้เป็นโมฆะ หรือให้บัตรลงคะแนนทั้งหมดเป็นโมฆะและให้รัฐสภาของรัฐโหวตเลือกผู้ชนะ

ทั้งนี้ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปของอเมริกา ชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐเพนซิลเวเนียราว 81,000 คะแนน

เมื่อวันเสาร์ (28 พ.ย.) ศาลสูงสุดรัฐเพนซิลเวเนียลงมติเอกฉันท์ปฏิเสธคำร้องทั้งสองกรณี โดยระบุว่า คำร้องกรณีที่สองเท่ากับเป็นการตัดสิทธิ์ชาวเพนซิลเวเนียทั้ง 6.9 ล้านคนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

ในคำฟ้องอ้างว่า กฎหมายเพนซิลเวเนียนับจากปี 2019 ระบุว่า การลงคะแนนทางไปรษณีย์ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

แต่คณะผู้พิพากษาระบุว่า รีพับลิกันยื่นฟ้องช้าเกินไป นอกจากนั้นผลการเลือกตั้งยังดูเหมือนชัดเจนแล้ว โดยรัฐเพนซิลเวเนียประกาศรับรองชัยชนะของไบเดนเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน

เดวิด เวชต์ หนึ่งในคณะผู้พิพากษา กล่าวว่า สมาชิกรีพับลิกันไม่มีหลักฐานในการกล่าวหาว่า มีการโกงการลงคะแนนหรือการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งแม้แต่เพียงใบเดียว

ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 พ.ย.) ศาลของรัฐบาลกลางในฟิลาเดลเฟีย เพิ่งปฏิเสธคำฟ้องร้องของทรัมป์ขอให้ระงับการรับรองชัยชนะของไบเดนในรัฐเพนซิลเวเนียโดยอ้างว่า การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม

ในคำฟ้องดังกล่าว ทีมหาเสียงของทรัมป์ร้องเรียนว่า คณะผู้สังเกตการณ์ของตนไม่สามารถตรวจสอบบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ในเทศมณฑลฟิลาเดลเฟียและแอลเลเกนี ทีมกฎหมายของทรัมป์ประกาศจะอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว แม้คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยว่า คำฟ้องร้องไม่มีมูลก็ตาม

จนถึงขณะนี้ ทรัมป์ยังไม่เลิกอ้างว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมามีการโกงครั้งใหญ่ ทั้งที่ถูกศาลในหลายรัฐปฏิเสธคำร้อง อดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้ยังทวิตทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดแปลกประหลาดและยืนกรานจะฟ้องร้องต่อ

เมื่อวันพฤหัสบดี (26 พ.ย.) ทรัมป์บอกเป็นครั้งแรกว่า จะออกจากทำเนียบขาวถ้าคณะผู้เลือกตั้งยืนยันว่า ไบเดนเป็นผู้ชนะอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ธันวาคม แต่ถัดมาอีกวัน เขากลับทวิตว่า ไบเดนจะเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีได้ก็ต่อเมื่อสามารถพิสูจน์ว่า ได้คะแนน 80 ล้านเสียงมาโดยไม่ได้โกงหรือทำผิดกฎหมาย

ไบเดนที่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 306 เสียง ส่วนทรัมป์ได้แค่ 232 เสียง และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไบเดนประกาศว่า คนอเมริกันจะไม่ทนกับความพยายามในการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง