รถเข็นเด็กที่เก๋ไก๋ไฉไลตามท้องถนนของไต้หวัน จะมีทารกน้อยน่ารักน่าชังนอนอยู่ หรือจะมีน้องหมาน้องมิ้วหลับตาพริ้มเพราข้างในกันแน่ บางทีก็สุดคาดเดา เพราะแนวโน้มการอุ้มชู ‘ลูกน้อยขนฟู’ เป็นเทรนที่มาแรงและทวีตัวขึ้นอย่างกว้างขวางในสังคมไต้หวัน ดินแดนที่จำนวนสัตว์เลี้ยงสูงกว่าประชากรเด็ก แต่ที่แน่ๆ สิ่งนี้สะท้อนถึงโลกทัศน์ที่เปิดกว้างมากขึ้นแก่คนรักสัตว์
ณ ถนนซอยอันเงียบสงบในกรุงไทเปตอนใต้ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์สูงวัยทอดสายตาง่วงงุนออกมาจากรถเข็นเด็ก ซึ่งเคลื่อนไปตามริมทางโดยแรงเข็นของคุณยาย อีกสองสามนาทีต่อมา รถเข็นเด็กอีกคันหนึ่งปรากฏตัวในซอยแห่งนั้น มีหญิงสาวเป็นผู้เข็น ส่วนผู้โดยสารเป็นน้องหมาบรินเดิล
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน น้องหมาหนุ่มน้อยหล่อกิ๊กในชุดทักซิโดโบสีรุ้งปรากฏตัวอยู่บนรถเข็นเด็กที่เจ้าของพามาร่วมเดินพาเหรดในมหกรรมแสดงพลังชาว LGBT ประจำปี 2020 ของไต้หวัน ซึ่งก็คือ งาน “ไทเปส์ ไพรด์”
น้องหมานั่งหน้าจิ้มลิ้มในรถเข็นเด็ก กลายเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบรถไฟใต้ดินกำหนดว่าหากจะนำสัตว์เลี้ยงโดยสารไปด้วย จะต้องพาไปในเครื่องหิ้ว (เช่น รถเข็น กระเป๋า เป้) แต่นักสังเกตการณ์สังคมชี้ว่าเทรนใหม่นี้สะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ที่ใจกว้างมากขึ้นต่อเจ้าของสัตว์เลี้ยง พร้อมกับชี้บ่งถึงแนวโน้มความนิยมที่จะอุ้มชู ‘ลูกน้อยขนฟู’ ซึ่งขยายตัวขึ้นอย่างกว้างขวางในท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้คนไม่ค่อยจะอยากมีบุตรธิดา กระทั่งว่าอัตราเกิดในไต้หวันลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง เดอะการ์เดียนรายงานไว้อย่างนั้น
ในการนี้ เว็บข่าวไต้หวันนิวส์ระบุว่า อัตราเกิดของไต้หวันต่ำลงมากจนติดกลุ่มท็อป 4 ของเอเชีย เมื่อครึ่งหลังของปีที่แล้ว กลุ่มชาติดังกล่าวล้วนมีฐานะทางเศรษฐกิจสูง ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน ทั้งนี้ จากปี 2016 ถึงปี 2019 อัตราเกิดในไต้หวันลดลงราว 6 เปอร์เซ็นต์
ไต้หวันนิวส์ชี้ว่า แรงกดดันทางสังคมที่ไม่ยอมรับการมีบุตรนอกสมรส และความนิยมที่จะแต่งงานช้า ตลอดจนปัญหาการมีช่วงเวลาลาคลอดบุตรที่แสนสั้น กับการมีอัตราค่าจ้างต่ำ ล้วนส่วนผลกระทบอย่างยิ่งต่อการที่ชาวไต้หวันจะตัดสินใจมีบุตรธิดา
ในเวลาเดียวกัน ตัวเลขผู้ที่รับสัตว์มาเลี้ยงก็ทะยานสูงเสียดฟ้า เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ชี้ว่าจำนวนสัตว์เลี้ยงในไต้หวันเพิ่มขึ้นแซงหน้าจำนวนเด็กวัยต่ำกว่า 15 ปี ทางการไต้หวันให้ตัวเลขประมาณการว่าประชากรสัตว์เลี้ยงในไต้หวันสูงเกือบ 3 ล้านตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าจำนวนเด็กวัยต่ำกว่า 15 ปีกันเลยทีเดียว ทั้งนี้ เป็นข้อมูลที่สถานีข่าวฟ็อกซ์นิวส์นำเสนอโดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ด้านอุตสาหกรรมอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง คือ PetFoodIndustry.com
จำนวนผู้บริโภคที่มากขึ้น ย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ดังปรากฏว่า ตลาดค้าปลีกเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับสัตว์เลี้ยงเติบโตฟู่ฟ่าเป็นที่ยิ่ง โดยมีมูลค่าสูงถึงปีละ 1,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในปี 2015 ผู้จัดงานเอ็กซ์โปสัตว์เลี้ยงของไต้หวันรายงานตัวเลขไว้ ด้านบริษัทวิจัยการตลาดนามว่า ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บอกว่านับจากปีดังกล่าวตัวเลขก็ขยายตัวดีวันดีคืนมาโดยตลอด
ยอดขายรถเข็นสำหรับสัตว์เลี้ยงทะยานขึ้นมามากกว่า 5 เท่าตัวในช่วงปี 2002-2015 โฆษกของบริษัทยีบิยาย่า ผู้ผลิตรถเข็นสัตว์เลี้ยงแถลงข้อมูลของบริษัทไว้อย่างนั้น ทั้งนี้ ยีบิยาย่าผู้ผลิตเครื่องใช้หรูหราสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเน้นดีไซน์และความสะดวกปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง เป็นธุรกิจครอบครัวที่ก่อตั้งขึ้นในไต้หวันตั้งแต่ปี 2002 และขยายธุรกิจออกไปแล้ว 23 ประเทศทั่วโลก
ยีบิยาย่าบอกด้วยว่า ธุรกิจของตนดีวันดีคืน แม้จะมีคู่แข่งใหม่ๆ เบียดเข้ามาในตลาดมิได้ขาด โฆษกของยีบิยาย่าบอกว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าจึงมีทางเลือกเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องดีเมื่อจะต้องเลือกรถเข็นที่เหมาะเจาะสำหรับลูกๆ ขนฟูของพวกเขา
ไม่ใช่แต่รถเข็น เครื่องใช้ไม้สอยอื่นๆ เพื่อความดูดีและความสุขใจ ล้วนเป็นสินค้าที่ปรากฏในตลาดอย่างคึกคักและดาษดื่น ไม่ว่าจะเป็นแว่นกันแดด เสื้อกันฝน ไปจนถึงถุงเท้าสำหรับน้องหมา
กระนั้นก็ตาม อู๋ฮุง กรรมการบริหารหน่วยงานเอ็นจีโอนามว่าสมาคมเพื่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์แห่งไต้หวัน หรือ EAST แสดงความกังวลว่าความปรารถนาที่จะซื้อหาสิ่งของเครื่องใช้เหล่านี้มีต้นตอจาก “แนวคิดต่อสัตว์ที่ให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง และจึงปฏิบัติต่อสัตว์ดั่งเครื่องใช้ไม้สอยเพื่อเติมเต็มความรู้สึกของมนุษย์ มากกว่าจะมุ่งเน้นที่ความจำเป็นแท้จริงของสัตว์
“เรื่องนี้อาจนำไปสู่ปัญหาสวัสดิภาพที่ร้ายแรงหากประโยชน์แท้จริงสำหรับสัตว์ถูกมองข้าม” อู๋ฮงกล่าว
อู๋ฮงบอกด้วยว่าเป็นที่น่าชื่นใจเมื่อได้เห็นปฏิสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างมนุษย์กับสัตว์มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ รถเข็นสัตว์เลี้ยงเป็นตัวช่วยที่ดีมากในการยกระดับชีวิตของสัตว์ชราและสัตว์พิการ พร้อมกับช่วยพาสัตว์เลี้ยงเดินทางผ่านเข้าไปในย่านที่แน่นหนาจอแจ กระนั้นก็ตาม สัตว์ก็ต้องได้รับโอกาสที่จะได้ยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายด้วย
ขณะที่ไต้หวันมีจำนวนสัตว์เลี้ยงมากกว่าเด็กเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ ญี่ปุ่นก็อยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกันโดยเป็นมาตั้งแต่ปี 2003 แม้กระทั่งสหรัฐอเมริกาก็มีจำนวนสุนัขและแมวสูงประมาณ 135 ล้านตัว อันเป็นตัวเลขจากสมาคมสัตวแพทย์อเมริกัน แต่มีประชากรมนุษย์อายุต่ำกว่า 18 ปี เพียงประมาณ 73 ล้านรายเท่านั้นตามการรายงานของสำนักงานสำมะโนประชากรแห่งสหรัฐฯ
จำนวนสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในไต้หวันมิใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่ได้ปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่สังคมไต้หวันให้ความเอื้อเฟื้อแก่เจ้าของสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี PetFoodIndustry.com รายงานว่า ร้านอาหารและโรงแรมจำนวนมากหันมาใช้กลยุทธ์ต้อนรับน้องหมาและน้องมิ้วโดยการจัดสรรที่ทางอย่างสมฐานะให้แก่ลูกน้อยขนฟูของคุณลูกค้า ณ ปลายปี 2019 ไต้หวันซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่ราว 2.7 ล้านราย มีร้านรวงที่เอื้อเฟื้อแก่สัตว์เลี้ยงมากกว่า 120 แห่งกันเลยทีเดียว อาทิ ร้านอาหารที่นำเสนอเมนูอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงแบบที่ปรุงด้วยวัตถุดิบเกรดเดียวกับเมนูสำหรับผู้เป็นเจ้าของ
ยิ่งกว่านั้น เมื่อปีที่แล้ว กรุงไทเปถึงกับจัดให้มีรถเมล์เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงจำนวนหลายสาย กล่าวคือ ผู้โดยสารสามารถนำลูกน้อยขนฟูขึ้นรถเมล์สายพิเศษเหล่านี้ได้โดยใช้เพียงสายจูง ไม่ต้องใส่ไปในเครื่องหิ้ว
ในสวนสาธารณะต้าอันฟอร์เรส เดอะการ์เดียนได้สัมภาษณ์ซี่อินกับฮั่นซึ่งกำลังเข็นรถพาน้องหมาสองตัวกับน้องแมวหนึ่งตัวไปหาหมอ ซี่อินบอกว่าโดยปกติจะใช้สายจูงพาน้องหมาเดินเล่นในสวน แต่ในวันนั้น พวกเขาต้องรีบไปร้านสัตวแพทย์
“น้องๆ ได้ออกกำลังกายเสมอค่ะ แต่สำหรับวันนี้ เราต้องใช้รถเข็นเพื่อจะได้พาพวกเค้าขึ้นรถไฟใต้ดิน และพาเข้าร้านอาหาร” ซี่อินบอก
ซี่อินเล่าว่าตั้งแต่โตขึ้นมา ก็อยู่ท่ามกลางสัตว์เลี้ยงเยอะแยะ และเธอได้เห็นอัตราขยายตัวคึกคักของ ครอบครัวที่นำสัตว์เลี้ยงมาอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่
“ความคิดแรกที่นึกได้คือ เราสองคนไม่อยากมีลูกค่ะ” ซี่อินให้คำตอบแก่คำถามว่าทำไมจึงเลือกที่จะมีสัตว์เลี้ยง
“การมีลูกต้องใช้เงินมากกว่า และต้องแบกภาระความรับผิดชอบมากกว่าค่ะ แม้การมีสัตว์เลี้ยงทำให้เราต้องใช้เงินและแบกความรับผิดชอบก็ตาม แต่สำหรับการมีลูก...ก็ไม่ทราบสิคะ ดิฉันไม่ใช่คนรักเด็กอ่ะค่ะ” เธอหัวเราะ
ด้าน ทอม ปาร์กเกอร์ หนุ่มอังกฤษซึ่งอาศัยอยู่ในไต้หวันเล่าให้เดอะการ์เดียนฟังว่าลูกน้อยขนฟูของภรรยาเขา มีนามว่า เบเน่ สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์เรีย ในเวลาที่ฝนตก ภรรยาของเขาจะให้เขากางร่มปกป้องเบเน่ แต่ถ้าภรรยาไม่อยู่ด้วยล่ะก็ เจ้าเบเน่จะเปียกปอนเสมอ
“สุนัขในไต้หวันได้รับการประคบประหงมและการดูแลอย่างดี แต่สุนัขก็เป็นเครื่องประดับประเภทหนึ่งสำหรับคนที่ช่างโอ่อวดร่ำรวย และการมีอุปกรณ์เพื่อการพกพาสุนัขไปด้วยอย่างสะดวกมากเท่าไร ก็เป็นการดีมากเท่านั้น” ปาร์กเกอร์กล่าว
(ที่มา: เดอะการ์เดียน, ฟ็อกซ์นิวส์, ไทเปส์ นิวส์, PetFoodIndustry.com)