เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ผู้นำสหรัฐฯ พบกับที่ปรึกษาระดับสูงด้านเลือกตั้งใกล้ชิดได้แก่ จาเรด คุชเนอร์ ผู้จัดการทีมหาเสียง บิล สเตเปียน และที่ปรึกษาทีมหาเสียง เจสัน มิลเลอร์ พยายามหาทางเพื่อให้ฝ่ายประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาพลิกชนะเลือกตั้ง ด้านว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ทาบทามขอ รอน เคลน ขึ้นเป็นหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวคนใหม่ สิ้นสุดยุคอลหม่านในทำเนียบขาว
CNBC สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ว่า ขณะที่หนทางที่จะพลิกการเลือกตั้งกลับมาให้ชนะได้ซึ่งในเวลานี้ คู่แข่ง โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตกลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ซึ่งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานในวันอังคาร (10) ว่า เจ้าหน้าที่เลือกตั้งทั่วสหรัฐฯ ไม่พบการโกงการเลือกตั้ง
โดยทางหนังสือพิมพ์สหรัฐฯ ได้ติดต่อสอบถามไปทุกรัฐในวันจันทร์ (9) และวันอังคาร (10) พบว่ามีบางรัฐได้กล่าวถึงปัญหาเล็กน้อยที่พบได้ทั่วไปในทุกการเลือกตั้ง เป็นต้นว่า การโหวตซ้ำซ้อน ปัญหาซอฟต์แวร์ขัดข้อง และปัญหาการรวมเลขบัตรเลือกตั้ง ส่วนที่รัฐเทกซัสพบว่า รองผู้ว่าการรัฐ แดน แพททริค (Dan Patrick) ที่เคยกล่าววาจาอมตะว่า คนแก่สมควรที่จะตายเพราะโควิด-19 มากกว่าการให้เศรษฐกิจของรัฐถูกทำลาย ได้เสนอเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์ให้กับประชาชนอเมริกันที่สามารถให้เบาะแสการโกงเลือกตั้งในรัฐได้ อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ
ดังนั้น คำกล่าวอ้างจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬารยังคงไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่ทว่าพบว่าถึงแม้ไบเดนจะถูกประกาศตามสื่อให้เป็นผู้ชนะเลือกตั้ง และเป็นว่าที่ผู้นำคนใหม่รวมไปถึงมีผู้นำชาติต่างๆ ทั่วโลกส่งสารแสดงความยินดี แต่ทว่าทรัมป์ยังคงไม่ยอมแพ้และในเวลานี้ยังไม่ได้ออกมาประกาศยอมรับความปราชัย
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (11) พบว่าประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบกับแกนนำหาเสียงคนสำคัญ คือ ที่ปรึกษาอาวุโสทำเนียบขาว จาเรด คุชเนอร์ ผู้จัดการทีมหาเสียง บิล สเตเปียน (Bill Stepien) และที่ปรึกษาทีมหาเสียง เจสัน มิลเลอร์( Jason Miller) ในการหาหนทางให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่ออีกสมัย
NBC News ซึ่งเป็นผู้รายงานข่าวนี้ชี้ว่า พบว่าทรัมป์ได้มีการหารือคล้ายกันนี้ในวันอังคาร(10) แต่เป็นการประชุมที่มุ่งไปถึงสถานะของคดีจำนวนมากที่ทางทีมได้ยื่นฟ้องศาลเกี่ยวกับการเลือกตั้งล่าสุดที่ชี้ไปถึงความไม่ชอบธรรมของบัตรหาเสียงที่โหวตให้ไบเดนใน 6 รัฐแบตเทิลกราวด์สเตท
การประชุมหารือวันพุธ (11) เกิดขึ้นท่ามกลางรายงานว่าผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบัน โดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยการไม่ประกาศยอมปราชัยและแสดงความยินดีต่อไบเดนตามธรรมเนียมการเมืองสหรัฐฯ
“อย่าคาดหวังว่าเขาจะยอมแพ้”ที่ปรึกษาระดับสูงของทรัมป์คนหนึ่งกล่าวกับ NBC News และชี้ว่า “เหมือนว่าเขาจะกล่าวว่า “เราไม่สามารถเชื่อถือผลการเลือกตั้งได้ แต่ผมจะไม่ขอต่อสู้กับมัน”
ไบเดนได้คะแนนเสียงป็อปปูล่าโหวตราว 77.4 ล้านเสียง ขณะที่ทรัมป์ได้ไป 72.26 ล้านเสียง ซึ่งค่าความแตกต่าง (margin) ของ 50.8% ต่อ 47.4% และเชื่อว่าในเวลานี้ทั่วประเทศนับไปแล้ว 96%
NBC ได้รายงานว่า คาดการณ์ว่าโจ ไบเดนจะชนะด้วยเสียงจำนวนคณะผู้แทนเลือกตั้ง (Electoral College vote)ไม่ต่ำกว่า 279 เสียง โดยผู้ที่จะชนะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ต้องได้ 270 เสียงอย่างน้อยในมือ ส่วน โดนัลด์ ทรัมป์ คาดว่าจะได้คะแนนคณะผู้แทนเลือกตั้ง 217 เสียง
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานล่าสุดว่า ไบเดนได้ให้ โรนัลด์ เอ. เคลน (Ronald A. Klain) วัย 59 ปีขึ้นเป็นหัวหน้าชุดคณะทำงานทำเนียบขาวคนใหม่ ส่งสัญญาณออกมาว่า เขาเลือกคนที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานในการเมืองสหรัฐฯและมีความเข้าใจในแวดวงการเมืองเพื่อมาคุมบังเหียนในทำเนียบขาว
“รอนถือเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าสำหรับผมในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่เราได้ทำงานด้วยกัน รวมไปถึงช่วงเวลาที่พวกเราต้องกอบกู้เศรษฐกิจจากหนึ่งในวิกฤตเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุดเมื่อปี 2009 และอีกครั้งในช่วงเวลาเกิดวิกฤตทางสาธารณสุขเมื่อปี 2014“” ไบเดนกล่าวอย่างชื่นชม และเสริมว่าบุคคลผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในฐานะหัวหน้าชุดทำงานของเขาคนใหม่นั้นมีประสบการณ์การทำการเมืองอย่างลึกซึ้ง และได้ทำงานร่วมกับทุกคนทั่วแวดวงการเมืองสหรัฐฯ ถือเป็นบุคคลที่เหมาะสมในยามที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตครั้งร้ายแรงที่สุด
วอชิงตันโพสต์ชี้ว่า เคลนนั้นทำงานเป็นที่ปรึกษาระดับสูงให้กับทั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯพรรคเดโมแครต รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และวุฒิสมาชิก ซึ่งการที่ได้เคลนเข้ามาไบเดนคาดหวังว่าการทำงานในทำเนียบขาวจะกลับคืนสู่ความเป็นระบบและระเบียบอีกครั้งต่างจากในสมัยทรัมป์ที่มีแต่ข่าวด้านลบออกมาสู่ภายนอกถึงความสับสนภายใน