ราคาน้ำมันขยับขึ้นมากกว่า 2% ในวันจันทร์ (16 พ.ย.) หลัง โมเดอร์นา อิงก์ เปิดเผยว่า วัคซีนทดลองของทางบริษัทมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ถึง 94.5% ปัจจัยนี้ดันวอลล์สตรีทพุ่งแรง ส่วนทองคำปิดบวกในกรอบแคบๆ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.34 ดอลลาร์ ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
บริษัท โมเดอร์นา อิงก์ บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ แถลงว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในเฟสที่ 3 พบว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 มากกว่า 94%
โมเดอร์นาได้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 30,000 ราย
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่เผยให้เห็นถึงการฟื้นตัวในจีนและญี่ปุ่น โดยเฉพาะในจีน ที่พบว่าโรงกลั่นน้ำมันต่างๆ มีปริมาณการกลั่นน้ำมันรายวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนตุลาคม
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (16 พ.ย.) พุ่งแรง หลังคำแถลงของโมเดอร์นา อิงก์ เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เพิ่มความหวังจะช่วยลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดรุนแรงในหลายพื้นที่
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 470.63 จุด (1.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 29,950.44 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 41.76 จุด (1.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,626.91 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 94.84 จุด (0.80 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,924.13 จุด
วัคซีนที่ส่งสัญญาณในแง่ดีอีกตัว ช่วยเพิ่มความหวังในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและการชัตดาวน์รอบใหม่ คุกคามการฟื้นตัวจากภาวะถดถอยอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในสหรัฐฯ ยังคงน่ากังวล หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งเกิน 11 ล้านคน และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุบสถิติสูงสุดใน 40 รัฐ กระตุ้นให้รัฐต่างๆ ต้องยกระดับคำสั่งเว้นระยะห่างทางสังคม
ความกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆ ทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้เอง ผลักนักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันจันทร์ (16 พ.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,887.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)