รอยเตอร์ - ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นร้ายแรงที่สุดของฟิลิปปินส์ พุ่งมาอยู่เป็น 67 ราย ขณะที่หลายพื้นที่ทางภาคเหนือเกิดวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 45 ปี เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กล่าว
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (15 พ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต บินไปยังจังหวัดตูเกกาเรา (Tuguegarao) เพื่อประเมินสถานการณ์ในเขตคากายัน แวลลีย์ (Cagayan Valley) ซึ่งประสบปัญหากับวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่หลังพายุไต้ฝุ่นแวมโก (Typhoon Vamco) เข้าเกาะลูซอนใหญ่ รวมไปถึงเมืองหลวง และภูมิภาคกรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์
ที่คากายันมีผู้เสียชีวิต 22 คน อีก 17 คน ที่ทางภาคใต้เกาะลูซอน 8 คน ในเขตเมืองหลวงมะนิลา และอีก 20 คน ที่ภูมิภาคอื่น มาร์ค ทิมบัล (Mark Timbal) โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติฟิลิปปินส์
และมีอีก 12 คน ยังคงสูญหาย บ้านเรือนประชาชนเกือบ 26,000 หลัง ได้รับความเสียหายจากฤทธิพายุแวมโก เขากล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดคากายัน มานูเอล แมมบา (Manuel Mamba) แถลงระหว่างรายงานสรุปให้ดูเตอร์เตว่า “นี่เป็นน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดเท่าที่เรามีในรอบ 45 ปีล่าสุด” และเสริมว่า “เราเห็นว่ามันเลวร้ายลงทุกปี”
ผลกระทบจากสภาพอากาศเลวร้ายและมวลน้ำขนาดใหญ่จากเขื่อนกระทบหลายพันครอบครัวในจังหวัดคากายัน ซึ่งมีบางส่วนหนีไปอยู่ที่หลังคาบ้านที่มีขนาด 2 ชั้น
รอยเตอร์ชี้ว่า แค่ภายในช่วง 4 สัปดาห์ ฟิลิปปินส์พบกับพายุถึง 6 ลูก รวมไปถึงพายุไต้ฝุ่นแวมโก และซูเปอร์ไต้ฝุ่นโกนี (Typhoon Goni) ซึ่งถือเป็นพายุที่มีความร้ายแรงที่สุดในโลกประจำปีนี้
ดูเตอร์เตกล่าวว่า “พวกเรามักจะกล่าวถึงการทำป่าไม้เถื่อนและเหมืองเถื่อน แต่ไม่มีการทำอะไรทั้งนั้น”
ปฏิบัติการกู้ภัยและการช่วยเหลือยังคงดำเนินอยู่ในจังหวัดคากายันถึงแม้เขื่อนมากัต (Magat Dam) ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงยังคงปล่อยน้ำต่อไป เกิดขึ้น 2 วัน หลังมีการปล่อยมวลน้ำขนาดใหญ่ต่อวินาที โดยมีการประเมินถึงขนาดมวลน้ำขนาดใหญ่เท่าสระว่ายน้ำโอลิมปิกจำนวน 2 สระ อ้างอิงข้อมูลจากรัฐบาลมะนิลา