ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในยุโรปพุ่งทะลุหลัก 11 ล้านคนแล้วเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) ขณะที่ออสเตรียและกรีซเป็นสองชาติล่าสุดที่ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ในเมืองใหญ่ๆ เพื่อชะลอการแพร่ระบาด
ฝรั่งเศส, เบลเยียม, เยอรมนี และไอร์แลนด์ ต่างยกระดับมาตรการคุมเข้มทางสังคมอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิด-19 กลับไปย่ำแย่ลงไม่ต่างจากช่วงฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่เชื้อไวรัสซึ่งอุบัติขึ้นในจีนเมื่อปลายปี 2019 ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะบรรเทาเบาบางลง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ขยายคำสั่งปิดพิพิธภัณฑ์, โรงภาพยนตร์ และสวนสัตว์ เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อใหม่ยังไม่ชะลอตัวลงเร็วเท่าที่ควร
เวลานี้ทั่วทวีปยุโรปมีผู้ติดเชื้อสะสม 11,008,465 คน เสียชีวิตแล้วเกือบ 285,000 คน จากสถิติอย่างเป็นทางการที่รวบรวมโดยเอเอฟพีเมื่อวันที่ 3 พ.ย.
ทางด้านอังกฤษก็จะเริ่มนำมาตรการเข้มงวดใหม่ๆ มาบังคับใช้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งสร้างความเหนื่อยหน่ายและไม่พอใจแก่พลเมือง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ายุโรปมีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญการแพร่ระบาดอีกหลายระลอกยาวไปจนถึงปีหน้า หากยังไม่มีวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ได้ผลจริง
ภาวะโรคระบาดที่ยืดเยื้อยาวนานส่งผลกระทบทั้งต่อเศรษฐกิจ การดำเนินชีวิต และสวัสดิภาพโดยรวมของประชาชน โดยทางการสเปนระบุว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งมีการจ้างแรงงานราว 13% ของประเทศกำลังย่ำแย่ เนื่องจากยอดนักท่องเที่ยวหายไปถึง 75% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
อุตสาหกรรมการบินยุโรปก็ได้รับผลกระทบอ่วมไม่แพ้กัน โดยล่าสุดมีรายงานว่านักบินสายการบิน KLM ของเนเธอร์แลนด์ยอมทำข้อตกลงลดเงินเดือน 5 ปี เพื่อปลดล็อกแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนรัฐบาลสเปนก็อนุมัติงบ 475 ล้านยูโรเพื่ออุ้มสายการบินแอร์ยูโรปาให้ก้าวผ่านวิกฤตโรคระบาดใหญ่
รัฐบาลกรีซมีคำสั่งให้คาเฟ่, ร้านอาหาร, บาร์, โรงยิม, โรงภาพยนตร์, โรงละคร และธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นยิ่งยวด ปิดตัวลงชั่วคราวในกรุงเอเธนส์ ส่วนที่เมืองทางตอนเหนืออย่าง Thessaloniki และ Serres จะมีการนำมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดยิ่งกว่ามาใช้ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลต่อเจ้าของธุรกิจและลูกจ้างในประเทศที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2010
ทางด้านตุรกีได้กำหนดให้ร้านอาหาร, โรงภาพยนตร์ และธุรกิจอื่นๆ ต้องปิดในเวลา 22.00 น. ขณะที่สมาพันธ์โรงพยาบาลในฝรั่งเศสกำลังพิจารณาส่งผู้ป่วยโควิด-19 บางส่วนไปรักษาตัวในเยอรมนี เหมือนอย่างที่เบลเยียมก็กำลังทำอยู่
ที่มา: เอเอฟพี