สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กลุ่มแรกของประเทศ ซึ่งทำให้หมู่เกาะแปซิฟิกแห่งนี้ พ้นจากการเป็นไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังคงปลอดโควิด-19
รัฐบาลหมู่เกาะมาร์แชลล์ประกาศยืนยันเมื่อค่ำวันพุธ (28 ต.ค.) ว่า ชาวอเมริกัน 2 คน ซึ่งทำงานอยู่ในฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะปะการังควาจาลีน (Kwajalein Atoll) มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก หลังจากที่เพิ่งเดินทางมาจากรัฐฮาวาย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27)
ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อทั้งสองซึ่งเป็นหญิงวัย 35 ปี และชายวัย 46 ปี ไม่ได้ออกไปสัมผัสใกล้ชิดกับคนในชุมชน หลังจากที่เดินทางมาถึงหมู่เกาะมาร์แชลล์
“เราขอยืนยันให้ประชาชนวางใจได้ว่า ผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ถูกพบตั้งแต่ที่ชายแดน และได้เข้าสู่กระบวนการกักตัวจนถึงตอนนี้” คีโน คาบัว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับสูง ระบุในถ้อยแถลง
ชาวอเมริกันทั้ง 2 ราย มีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนจะเดินทางออกจากฮาวาย และยังไม่แสดงอาการป่วยใดๆ โดยฝ่ายหญิงนั้นมีประวัติป่วยเป็นโควิดเมื่อปลายเดือน ก.ค. ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเชื้อที่พบนั้นเป็นเพียง ‘ซากเชื้อเก่า’ ที่ไม่สามารถแพร่สู่บุคคลอื่นได้แล้วหรือไม่ ในขณะที่ฝ่ายชายไม่เคยมีประวัติป่วยเป็นโควิดมาก่อน
หมู่เกาะมาร์แชลล์ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหวางออสเตรเลียกับรัฐฮาวายของสหรัฐฯ ได้ประกาศปิดพรมแดนตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. เพื่อสกัดการแพร่เข้ามาของเชื้อไวรัส เช่นเดียวกับประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกอื่นๆ ที่ยอมโดดเดี่ยวตัวเอง และรับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ดีกว่าจะเสี่ยงเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาจทำให้ระบบสาธารณสุขรองรับไม่ไหว
ด้วยมาตรการเหล่านี้เองทำให้ประเทศหมู่เกาะอย่างสาธารณรัฐคิริบาส, ไมโครนีเซีย, นาอูรู, ปาเลา, ซามัว, ตองกา, ตูวาลู และวานูอาตู ยังคงมีผู้ติดเชื้อยืนยันเป็นศูนย์
หมู่เกาะโซโลมอนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เพิ่งพบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกเมื่อต้นเดือน ต.ค. หลังจากที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดทั่วโลกมานานกว่า 9 เดือน
รัฐบาลหมู่เกาะมาร์แชลล์เริ่มผ่อนปรนข้อจำกัดและอนุญาตให้บุคคลบางกลุ่มเดินทางเข้าประเทศได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ เจ้าหน้าที่ประจำฐานทัพสหรัฐฯ ทว่า คนเหล่านี้จะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวที่ฐานทัพควาจาลีนอย่างเข้มงวดเป็นเวลา 3 สัปดาห์
ที่มา: เอเอฟพี