เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลียในวันจันทร์ (26 ต.ค.) รายงานไม่พบผู้ติดเชื้อหรือเสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มเติมในรัฐวิกตอเรีย หลังจากต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดอันเข้มข้นมานานหลายเดือน นับตั้งแต่ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดระลอกสองของประเทศ
จากข้อมูลดังกล่าวถือเป็นรอบ 24 ชั่วโมงแรก ที่รัฐวิกตอเรีย ไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แม้แต่รายเดียวกัน นับตั้งแต่พลเมือง 5 ล้านคนของเมืองเมลเบิร์น ต้องอยู่ภายใต้ล็อกดาวน์ หลังความหละหลวมด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยสกัดโควิด-19 ณ โรงแรมต่างๆ ที่ดัดแปลงเป็นศูนย์กักกันโรคนักเดินทางที่มาจากต่างประเทศ ได้จุดชนวนการแพร่ระบาดระลอกใหม่ครั้งใหญ่ในเดือนกรกฎาคม
ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ประชาชนภายในเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศแห่งนี้ ได้รับอนุญาตให้ออกจากที่พักอาศัยเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็น และต้องอยู่ภายใต้คำสั่งเคอร์ฟิวยามค่ำคืนมานานหลายเดือน
ข้อจำกัดบางส่วนถูกยกเลิกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อนุญาตให้ร้านทำผมและสนามกอล์ฟกลับมาเปิดบริการ อย่างไรก็ตาม แผนผ่อนปรนเพิ่มเติมซึ่งเดิมทีกำหนดไว้ในวันอาทิตย์ (25 ต.ค.) มีอันต้องเลื่อนออกไป เพื่อรอผลตรวจเชื้อโควิด-19 หลังเกิดกาารแพร่ระบาดเล็กๆ ในบริเวณทางเหนือของเมือง
เจ้าหน้าที่ต้องเผชิญแรงกดดันมากขึ้นให้เมืองแห่งนี้มีอิสระเพิ่มเติม หลังจากกฎระเบียบเข้มข้นบางอย่างยังมีผลบังคับใช้ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆ ลดลงแล้วก็ตาม
ปัจจุบันชาวบ้านในเมลเบิร์นยังอยู่ภายใต้ข้อบังคับสวมหน้ากาก ร้านอาหารถูกจำกัดเฉพาะซื้อกลับบ้านหรือบริการส่งถึงบ้าน ร้านค้าต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็นยังต้องปิดต่อไป ขณะเดียวกันยังคงห้ามการเดินทางออกจากพื้นที่เกรทเตอร์เมลเบิร์น หรือไกลจากตัวบ้านมากกว่า 25 กิโลเมตร
ข้อจำกัดหยุดอยู่บ้านรอบ 2 ของเมืองเมลเบิร์น เริ่มต้นบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม ครั้งที่รัฐวิคตอเรียพบเห็นผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งจากระดับราวๆ 190 คนต่อวัน เป็น 700 คนต่อวันในเดือนสิงหาคม
อย่างไรก็ตาม ตามเมืองอื่นๆ ที่เหลือของรัฐวิคตอเรีย ได้มีการผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ ไปแล้ว โดยมีการอนุญาตให้โรงยิมกลับมาเปิดบริการ ส่วนการจัดแสดงดนตรีกลางแจ้ง จะได้รับอนุญาตนับตั้งแต่วันอังคาร (27 ต.ค.) เป็นต้นไป
ออสเตรเลียค่อนข้างประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยมีผู้ติดเชื้อราวๆ 27,500 คนและเสียชีวิต 905 ราย จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน
(ที่มา : เอเอฟพี)