xs
xsm
sm
md
lg

In Clip: สื่อนอกรายงาน ไทยปิด “วอยซ์ทีวี” สถานทูตอังกฤษทวีตเตือน รบ.ประยุทธ์ “โจชัว หว่อง” ยืนประท้วงหน้ากงสุลไทยในฮ่องกง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ซึ่งเชื่อมโยงกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ของพรรคฝ่ายค้านในปัจจุบัน ถูกสั่งปิดจากข้อหาปลุกปั่น ทำให้เกิดความไม่สงบตามที่ผู้นำไทยคนปัจจุบันชี้ หลังรายงานเกาะติดข่าวการประท้วงกลุ่มปลดแอกและคณะราษฎรต่อต้านรัฐบาล และสถาบันกษัตริย์ ด้านสถานทูตอังกฤษในกรุงเทพฯ ทวีตแข็งกร้าว “การปิดปากสื่อที่รายงานเกี่ยวกับปัญหา ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา” ด้านผู้นำเรียกร้องประชาธิปไตยร่มเหลืองฮ่องกง “โจชัว หว่อง” ยืนประท้วงถือป้ายข้อความภาษาไทยหน้าสถานกงสุลไทยในฮ่องกงคู่ขนานไปกับม็อบปลดแอก

เอเอฟพีรายงานวันนี้ (21 ต.ค.) ว่า วอยซ์ทีวีซึ่งมีครอบครัวของอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของบางส่วนล่าสุดเป็น 1 ใน 4 สื่อไทยที่กำลังตกที่นั่งลำบากจากการรายงานข่าวการประท้วงของกลุ่มปลดแอกและคณะราษฎร ที่มีนักเรียนและนักศึกษาชู 3 นิ้ว ผูกโบขาวพร้อมสโลแกนสีสันต่างๆ เป็นต้นว่า ยุทธการแกงเทโพ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เข้าร่วมเพื่อต้องการไล่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีบางส่วนในการประท้วงถึงขั้นหมิ่นฯ โดยวอยซ์ทีวีซึ่งกำลังตกอยู่ในการสอบสวนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยมาโดยตลอด

พลเอกประยุทธ์ แถลงถึงการสั่งปิดสื่อหลังการประชุมคณะ ครม.ที่มีคำสั่งศาลที่กรุงเทพฯออกมาในวันอังคาร (20) ว่า “เสรีภาพสื่อเป็นสิ่งสำคัญ แต่ในบางกรณีมีสื่อบางส่วนได้เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน ซึ่งนั้นถือเป็นการปลุกปั่นทำให้เกิดความไม่สงบ”

อ้างอิงจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย ที่ระบุว่า “สื่อสำนักข่าวเหล่านี้ได้ทำการเผยแพร่ข้อมูลที่ละเมิดต่อกฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และกฎหมายภาวะฉุกเฉิน”

ด้านผู้บริหารวอยซ์ทีวี เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ออกมาปฏิเสธว่า การรายงานข่าวการประท้วงของทางสถานีไม่ได้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงชาติ

“เป็นเวลา 11 ปีที่ทางวอยซ์ทีวีได้ยึดมั่นต่อประชาธิปไตย ให้พื้นที่ต่อความเห็นของประชาชนโดยรอบด้านด้วยความเปิดกว้าง ความโปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อข้อเท็จจริง” คุณเมฆินทร์ กล่าวผ่านทางแถลงการณ์บนเว็บไซต์วอยซ์ทีวี

ด้านพิธีกรประจำ อ.วิโรจน์ อาลี ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมายืนยันว่า ทางสถานีจะยังคงทำการรายงานทางออนไลน์ต่อไปจนกว่าจะได้รับหมายศาลอย่างเป็นทางการ

“นี่ถือเป็นการเข้าแทรกแซงจากรัฐอย่างเป็นทางการ” เขากล่าวและเสริมต่อว่า “เราตกเป็นเป้าเพราะรัฐต้องการส่งสัญญาณข่มขู่ไปยังที่อื่นด้วย”

คำสั่งการปิดของประยุทธ์ยังทำให้สมาคมนักข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย แสดงความวิตกเป็นอย่างมากต่อการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังสอบสวนสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ประชาไทย สื่อรีพอร์ตเตอร์ส และสื่อสแตนดาร์ด โดยสื่อทั้ง 4 แห่งต่างรายงานแบบเกาะติดการประท้วงเป็นภาพการรายงานสดทางเฟซบุ๊ก

“เสรีภาพสื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในทุกสังคมประชาธิปไตย และนักข่าวที่แท้จริงสมควรได้รับอนุญาตให้รายงานความเคลื่อนไหวสำคัญโดยปราศจากการคุกคามของการถูกสั่งห้าม การถูกตั้งข้อสงสัย หรือดำเนินคดีทางอาญาต่อบุคคลเหล่านี้”

เอเอฟพีชี้ว่า คำสั่งศาลในการปิดสื่อออกมาเกิดขึ้นหลังกระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงว่า ทางกระทรวงพบการโพสต์ข้อความ 325,000 ข้อความบนโซเชียลมีเดียที่ละเมิดต่อกฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ที่นักวิจารณ์ต่างกล่าวว่า มักจะเป็นข้อหาใช้เพื่อปิดปากฝ่ายตรงข้าม ซึ่ง #SaveFreePress เป็นที่เผยแพร่ไปทั่วในวันจันทร์ (19)

ขณะที่สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเมื่อวานนี้ (20) ได้ทวีตแสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลไทยออกคำสั่งปิดสื่อโดยกล่าวผ่านแถลงการณ์ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษผ่านแอกเคานต์ทางการ @ukinthailand บนทวิตเตอร์

“การปิดปากสื่อที่รายงานข่าวเกี่ยวกับปัญหา ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา

ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างความจริงและข่าวปลอม สื่อคือกรรมการผู้ตัดสินแห่งสังคมเสรี

นี่คือเวลาที่เราต้องปกป้องสื่อ และสิทธิของสื่อทั่วโลกในการรายงานข่าว” พร้อมกับแฮชแท็ก #DefendMediaFreedom

และในภาคภาษาอังกฤษที่มีวิดีโอคลิปประกอบอยู่ด้านล่างว่า

“Silencing journalists can never cure the problems they report.

In the struggle between fact and falsehoods, journalists are the referees of free societies.

Now more than ever we must defend them & their right to report.

#DefendMediaFreedom”

ล่าสุด สื่อไทยรายงานเข้ามาในวันนี้ (21) ว่า ศาลอาญาได้มีคำสั่งยกคำร้องจากกระทรวงดิจิทัลในการสั่งปิดวอยซ์ทีวีแล้ว โดย ศิโรตม์ คล้ามไบูลย์ ได้ทวีตว่า “ศาลอาญายกคำร้องคำสั่งปิดวอยซ์ทีวี คำขอของรัฐบาลในการให้ปิดวอยซ์ทุกช่องไม่มีผลครับ ออกอากาศตามปกติทั้งทีวีและออนไลน์”

และชี้ต่อว่า “คำสั่งศาลชี้สื่อมีเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.คอมฯ ให้อำนาจเฉพาะการห้ามเผยแพร่ข้อมูลหรือข้่อมูลไม่ได้ให้อำนา่จในการปิดช่องทาง ซึ่งจะมีผลปิดข้อมูลข่าวสารอื่นฯ ที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่รับคำร้องรัฐบาล”

ทั้งนี้ เอเอฟพีรายงานว่า มีการชุมนุมคู่ขนานเกิดขึ้นที่สถานกงสุลไทยประจำฮ่องกงในวันจันทร์ (19) นำโดย โจชัว หว่อง เป็นผู้ถือป้ายข้อความประท้วงเป็นภาษาไทย คู่ขนานไปกับทางไทย โดยนักวิเคราะห์ทางการเมืองของไทยประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วรนัยน์ วาณิชกะ (Voranai Vanijaka) ได้ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ว่า คนรุ่นใหม่ที่เป็นพวกเก่งด้านเทคโนโลยีในการประท้วงทั้งในไทยและฮ่องกงต่างแชร์วัฒนธรรมร่วม

“มันเป็นความรักต่อเสรีภาพและกระตุ้นในการต่อสู้เพื่่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง”

ซึ่งพบว่าม็อบปลดแอกได้ส่งข้อความทักทายไปยังฝั่งลาว และมีคนรุ่นใหม่ชาวลาวออกมาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมากที่ต้องการให้สังคมลาวมีการเปลี่ยนแปลง เป็นต้นว่า ชาวลาวแสดงความอึดอัดที่มีชาวจีนเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก และถึงขั้นสามารถใช้เงินหยวนได้แล้ว หรือปัญหาค่าไฟแพงตลอดแต่ไฟยังดับบ่อยโดยเฉพาะเวลาฝนตก








กำลังโหลดความคิดเห็น