อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮาหมัด แห่งมาเลเซีย ออกมาตั้งข้อสงสัยวันนี้ (16 ต.ค.) กรณีนาย อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้าน อ้างว่ามีเสียงข้างมากในสภาหนุนให้เป็นนายกฯ คนใหม่ พร้อมย้ำว่าถึง อันวาร์ จะคว้าเก้าอี้นายกฯ มาครองได้สำเร็จก็ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งซึ่งทำให้การเมืองมาเลเซียเดินมาถึงทางตัน
อันวาร์ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอับดุลเลาะห์เมื่อวันอังคาร (13) ที่ผ่านมา เพื่อกราบทูลให้ทรงทราบว่าตนมีเสียงสนับสนุน “ที่น่าเชื่อถือ” ในสภามากพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี และพร้อมจัดตั้งรัฐบาลใหม่แทนที่คณะบริหารของ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ผู้นำเสือเหลืองคนปัจจุบัน
มหาเธร์ ซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงทางการเมืองให้กับ อันวาร์ และนักการเมืองอาวุโสหลายคนระบุว่า ต่อให้มีผู้นำคนใหม่ พรรคการเมืองต่างๆ ก็ยังมีแนวโน้มที่จะพลิกสลับขั้วได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (UMNO)
“ตอนนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่ว่าจะออกหัวหรือก้อย สุดท้ายเราก็หนีไม่พ้นสถานการณ์ที่เหมือนไม่มีรัฐบาลอยู่ดี” มหาเธร์ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ที่สำนักงานของเขาในกรุงกัวลาลัมเปอร์
อดีตผู้นำเสือเฒ่าวัย 94 ปี เคยได้รับการสนับสนุนจาก อันวาร์ จนสามารถนำกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2018 และทำให้รัฐบาลกลุ่ม บาริซาน เนชันแนล ที่นำโดยพรรคอัมโนต้องสูญเสียอำนาจที่ผูกขาดมานานกว่า 60 ปี
อย่างไรก็ตาม รัฐบาล มหาเธร์ ก็เผชิญความแตกแยกภายในอย่างหนักจนทำให้ตัวเขาเองตัดสินใจลาออกเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ปีนี้ และเปิดทางให้ มูห์ยิดดิน ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนใหม่โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคอัมโน
รัฐบาล มูห์ยิดดิน ซึ่งมีอายุเพียง 7 เดือนก็อยู่ในสภาวะง่อนแง่นเต็มทน โดยมี ส.ส. เกินครึ่งมาเพียง 2 ที่นั่งจากทั้งหมด 222 ที่นั่งในสภา
มหาเธร์ ออกตัวว่าเขาไม่ได้สนับสนุนใครเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะ อันวาร์ หรือ มูห์ยิดดิน ก็ตาม
มหาเธร์ และ ส.ส.อีก 5 คนจากพรรคเปอจวง (Pejuang) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เขาก่อตั้งขึ้นใหม่ เพิ่งยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ มูห์ยิดดิน ในวันนี้ (16) ขณะเดียวกันผู้นำเสือเฒ่าก็ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของ อันวาร์ ที่ระบุว่ามีเสียงข้างมากพอจะเป็นนายกฯ
“อันวาร์ เขาชอบพูดแบบนี้เสมอแหละ... 3 ครั้งแล้วนะที่เขาบอกว่ามี ส.ส. สนับสนุนมากพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่มีหรอก” มหาเธร์ กล่าว
การก้าวสู่ตำแหน่งนายกฯ แดนเสือเหลืองจะถือเป็นความสำเร็จที่ อันวาร์ อิบราฮิม รอคอยมานานถึง 22 ปี รวมระยะเวลาเกือบ 1 ทศวรรษที่เขาต้องไปใช้ชีวิตในเรือนจำจากข้อหา ‘รักร่วมเพศ’ และยังเท่ากับว่ามาเลเซียเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนในปีนี้
ที่มา: รอยเตอร์