xs
xsm
sm
md
lg

โควิด-19 พ่นพิษ เวิลด์แบงก์คาด ศก.เอเชียชะลอตัวแรงสุดรอบ 50 ปี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ คาดหมายว่าจะทำให้เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เช่นเดียวกับจีน มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวมากที่สุดในรอบกว่า 50 ปี ในขณะที่ประชากรสูงสุด 38 ล้านคนถูกผลักเข้าสู่ความขัดสน ธนาคารโลกระบุในรายงานอัพเดทสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (28 ก.ย.)

ธนาคารโลกประมาณการว่าภูมิภาคแถบนี้จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้เพียงแค่ 0.9% ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1967

การเติบโตในจีน ได้รับคาดหมายว่าจะอยู่ที่ 2% ในปีนี้ ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของทางรัฐบาล ตัวเลขส่งออกที่แข็งแกร่งและอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ระดับต่ำนับตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ก็ถูกฉุดรั้งจากการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวลง

ทั้งนี้ ธนาคารโลกประมาณการว่าเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆที่เหลือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก น่าจะหดตัวประมาณ 3.5% "โรคระบาดใหญ่และความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของมัน นำไปสู่การลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างมาก" รายงานระบุ

"ความยุ่งยากภายในประเทศที่มีอยู่ก่อนแล้วถูกซ้ำเติมโดยโรคระบาดใหญ่ ได้ชักนำภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และส่งกระทบต่อเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งพึ่งพิงการค้าและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก" รายงานระบุ

รายงานของธนาคารโลกระบุด้วยว่า ภูมิภาคแถบนี้อาจจำเป็นต้องหาทงปฏิรูปทางการคลังเพื่อตอบสนองต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจและทางการเงินจากโรคระบาดใหญ่ ขณะเดียวกันก็ต้องมีโครงการปกป้องทางสังคม เพื่อช่วยส่งเสริมผลักดันแรงงานคืนสู่ระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้แล้ว ธนาคารโลกยังคาดหมายด้วยว่าคลื่นความช็อกของโรคระบาดใหญ่ที่มีต่อเศรษฐกิจอาจทำให้ตัวเลขคนยากจน (มีรายได้ไม่ถึง 5.50 ดอลลาร์ หรือราว 175 บาทต่อวัน) พุ่งทะยาน พร้อมระบุว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา และการประมาณการจีดีพีล่าสุด จำนวนคนยากจนน่าจะเพิ่มขึ้นจาก 33 ล้านคนเป็น 38 ล้านคน ถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 20 ปี

"ภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับกลุ่มก้อนความท้าทายอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน" วิคตอเรีย ควาคกา รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกล่าว "แต่ยังพอมีทางเลือกนโยบายฉลาดๆที่สามารถบรรเทามันได้ อาทิการลงทุนด้านการตรวจเชื้อและศักยภาพการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด และขยายโครงการปกป้องทางสังคมเป็นเวลานาน ครอบคลุมคนยากจนและแรงงานนอกระบบ"

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น