บาร์เบโดสซึ่งเป็นประเทศเกาะในทะเลแคริบเบียน เตรียมปลดสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษออกจากตำแหน่งประมุข และเปลี่ยนไปสู่ระบอบสาธารณรัฐในเดือน พ.ย. ปีหน้า
อดีตเกาะอาณานิคมแห่งนี้ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1966 ปัจจุบันมีประชากรราว 300,000 คน และยังคงความสัมพันธ์ในรูปแบบทางการกับราชวงศ์อังกฤษ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอังกฤษมาก่อน
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทิ้งอดีตความเป็นอาณานิคมเอาไว้เบื้องหลัง” ซานดรา เมสัน ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ประจำบาร์เบโดส กล่าวสุนทรพจน์ในนามของนายกรัฐมนตรี มีอา ม็อตต์ลีย์ ซึ่งชนะศึกเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายเมื่อปี 2018
“ชาวบาร์เบโดสต้องการมีประมุขที่เป็นชาวบาร์เบโดส นี่คือ การประกาศความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราเป็น และสิ่งที่เราสามารถทำได้ ดังนั้น บาร์เบโดสจึงเตรียมที่จะก้าวไปสู่การมีอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนระบอบเป็นสาธารณรัฐในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปีที่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ” เมสัน กล่าว
พิธีเฉลิมฉลองดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. ปี 2021
ข้อเสนอนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงในสังคมบาร์เบโดส แม้เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหลายครั้งตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาก็ตาม
พระราชวังบักกิงแฮมแถลงว่า เรื่องนี้ถือเป็นกิจการภายในของชาวบาร์เบโดส ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษก็ยืนยันในทำนองเดียวกันว่าเป็นสิทธิ์ของบาร์เบโดสที่จะตัดสินใจเอง
“บาร์เบโดสและสหราชอาณาจักรมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภาษา และสิ่งต่างๆ ร่วมกันอยู่มากมาย เราเป็นหุ้นส่วนกันมาอย่างยาวนาน และอังกฤษพร้อมที่จะทำงานร่วมกับบาร์เบโดส ตลอดจนหุ้นส่วนทุกประเทศในทะเลแคริบเบียนต่อไป” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ระบุ
ตรินิแดดและโตเบโก, ดอมินีกา และ กายอานา ก็ได้เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังคงสถานะความเป็นสมาชิกในเครือจักรภพซึ่งประกอบด้วย 54 ประเทศเอาไว้ ซึ่งคาดว่าบาร์เบโดสก็จะยังคงอยู่ในเครือจักรภพต่อไปเช่นกัน
ชาวบาร์เบโดสเรียกร้องมานานแล้วให้มีการถอดควีนเอลิซาเบธออกจากตำแหน่งประมุข และในปี 1998 คณะกรรมาธิการซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลก็ได้ออกมาสรุปว่า บาร์เบโดสสมควรเป็นสาธารณรัฐ โดยมีประธานาธิบดีซึ่งไม่มีอำนาจบริหารเป็นประมุขแทนควีน ทว่าคำแนะนำนี้ไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติจริง
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นประมุขแห่งสหราชอาณาจักรและอดีตรัฐอาณานิคมอังกฤษอีก 15 ประเทศ โดยมีข้าหลวงต่างพระองค์เป็นผู้สำเร็จราชการ ซึ่งประเทศเหล่านี้ ได้แก่ แอนติกาและบาร์บูดา, ออสเตรเลีย, บาฮามาส, บาร์เบโดส, เบลีซ, แคนาดา, เกรนาดา, จาเมกา, นิวซีแลนด์, ปาปัวนิวกินี, เซนต์คิตส์และเนวิส, เซนต์ลูเซีย, เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์, หมู่เกาะโซโลมอน และตูวาลู
ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี