รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - องค์การการค้าโลก (WTO) ระบุในวันอังคาร (15 ก.ย.) ว่า พบสหรัฐฯ ละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ จากการกำหนดมาตรการรีดภาษีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์จากสินค้าจีน ในการทำสงครามการค้ากับแดนมังกรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คำตัดสินนี้ทำให้วอชิงตันแสดงความเดือดดาล ขณะที่ปักกิ่งบอกว่านี่คือหลักฐานพิสูจน์ว่าสหรัฐฯกำลังทำความผิด
คณะบริหารทรัมป์อ้างว่ามาตรการรีดภาษีที่กำหนดบังคับใช้เมื่อ 2 ปีก่อน ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ มีความชอบธรรม เพราะว่าจีนโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญาและบีบบังคับบริษัทต่างๆของสหรัฐฯ ให้ถ่ายโอนเทคโนโลยีเพื่อแลกเปลี่ยนกับการเข้าถึงตลาดของจีน
ทว่า คณะผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 คนขององค์การการค้าโลก บอกว่ามาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ ละเมิดกฎระเบียบการค้า เพราะว่าบังคับใช้กับจีนเพียงชาติเดียว และอยู่เหนืออัตราสูงสุดที่สหรัฐฯ เคยตกลงเอาไว้ ขณะเดียวกัน ณ เวลานั้น วอชิงตันเองก็ไม่เคยให้คำชี้แจงอย่างเพียงพอว่าทำไมมาตรการดังกล่าวถึงมีความชอบธรรม ทั้งนี้คณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้จัดตั้งขึ้นโดยหน่วยงานแก้ไขข้อพิพาทของ WTO เมื่อปีที่แล้วเพื่อพิจารณาทบทวนการกระทำของสหรัฐฯ ภายหลังจากจีนยื่นฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก
อย่างไรก็ดี โรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) แถลงตอบโต้คำตัดสินใจของ WTO นี้ในทันทีเมื่อวันอังคาร โดยบอกว่า “รายงานของคณะนี้ เป็นเครื่องยืนยันในสิ่งที่ทางคณะบริหารดีทรัมป์พูดมาตลอด 4 ปีว่า องค์การการค้าโลกไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอเอาเลย ในการหยุดยั้งวิธีปฏิบัติทางด้านเทคโนโลยีที่เป็นอันตรายของจีน”
ทางด้าน หวัง เหวินปิน โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงในวันพุธว่า การตัดสินเช่นนี้ของ WTO เป็นข้อพิสูจน์ว่าสหรัฐฯกำลังละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ พร้อมกับย้ำว่า จีนหวังว่าสหรัฐฯจะเคารพคำตัดสินนี้
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ของจีนก็ระบุว่า ปักกิ่งสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี เคารพกฎระเบียบและคำตัดสินขององค์การการค้าโลก และหวังว่าวอชิงตันจะทำแบบเดียวกัน
เห็นกันว่า คำตัดสินขององค์การการค้าโลกแทบจะไม่ส่งผลอะไรในทันทีต่อมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ เนื่องจากมันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของกระบวนการทางกฎระเบียบซึ่งน่าจะต้องใช้เวลานานหลายปี โดยในท้ายที่สุดแล้วหาก WTO ยืนยันผลการตัดสินเช่นนี้ ก็อาจนำไปสู่การที่องค์การการค้าโลกอนุมัติให้จีนใช้มาตรการตอบโต้ --ซึ่งอันที่จริงก็ความเคลื่อนไหวที่จีนดำเนินการด้วยตนเองไปแล้ว
สหรัฐฯน่าที่อุทธรณ์คำตัดสินซึ่งออกมาเมื่อวันอังคารนี้ ซึ่งอาจจะเท่ากับทำให้คดีนี้กลายเป็นโมฆะในทางพฤตินัยเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากเวลานี้สหรัฐฯกำลังขัดขวางการแต่งตั้งตุลาการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานพิจารณาอุทธรณ์ของ WTO จนทำให้กระบวนการพิจารณาข้อพิพาทต่างๆ ของหน่วยงานนี้ต้องหยุดชะงักมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะมีสมาชิกไม่ครบองค์ประชุม
คณะผู้เชี่ยวชาญของ WTO ดูตระหนักดีว่ากำลังก้าวเข้าสู่ประเด็นร้อนระหว่าง 2 ชาติ จึงเน้นในรายงานที่ออกมาเมื่อวันอังคารว่าพวกเขาพิจารณาเพียงมาตรการต่างๆ ของสหรัฐฯ และไม่ได้พิจารณามาตรการแก้เผ็ดของจีน เนื่องจากวอชิงตันไม่ได้ยื่นคัดค้านเรื่องนี้ต่อองค์การการค้าโลก
ในรายงาน คณะผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะสหรัฐฯ ให้ปรับปรุงมาตรการรีดภาษีของพวกเขาให้สอดคล้องกับสัญญาข้อตกลงต่างๆ ที่ได้เคยให้ไว้ แต่เวลาเดียวกันนั้น คณะก็แสดงความสนับสนุนทั้งสองฝ่ายหาทางคลี่คลายข้อพิพาทโดยรวม
ระหว่างสงครามการค้ากับปักกิ่งที่ยืดเยื้อกว่า 2 ปี ทรัมป์ขู่รีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเกือบทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนทั้งสองประเทศจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟส 1 ในเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมาตรการรีดภาษีเพิ่มเติมยังคงใช้บังคับกับสินค้านำเข้าจีนบางส่วนคิดเป็นมูลค่าราวๆ 370,000 ล้านดอลลาร์ และจากข้อมูลของศุลกากรสหรัฐฯ พบว่านับตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2018 มีการเรียกเก็บภาษีไปแล้วถึง 62,160 ล้านดอลลาร์
ทรัมป์ให้คำจำกัดความองค์การการค้าโลกว่า “น่าขยะแขยง” และลำเอียงเข้าข้างจีน พร้อมขู่บ่อยครั้งว่าจะถอนตัว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างไปพูดในงานพบผู้ออกเสียงถ่ายทอดสดทางเครือข่ายทีวีเอบีซีจากเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันอังคาร ทรัมป์ยังคงแสดงการหนุนหลังข้อตกลงการค้าเฟส 1 และชี้ว่าปักกิ่งเวลานี้กำลังซื้อสินค้าสหรัฐฯในปริมาณสูงเป็นประวัติการณ์ทั้ง ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, และเนื้อวัว เพราะพวกผู้นำจีนทราบดีว่า เขา “รู้สึกไม่พอใจมากๆ” เกี่ยวกับการจัดการกับไวรัสโคโรนาของพวกเขา
แต่ระหว่างเดินทางออกจากทำเนียบขาว เพื่อเดินทางไปร่วมงานข้างต้น ทรัมป์กลับบอกว่าเขาเป็นต้องทำอะไรบางอย่างกับองค์การการค้าโลก เพราะว่าองค์การแห่งนี้ปล่อยให้จีนลงมือฆาตกรรมแล้วหลบหนีลอยนวล ทรัมป์ระบุว่าเขาจำเป็นต้องตรวจสอบคำตัดสินอย่างละเอียด แต่บอกว่า “ผมไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ขององค์การการค้าโลก นั่นคือสิ่งที่ผมบอกได้ในตอนนี้”
ทางด้าน มาร์กาเรต เชคูตา อดีตเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ซึ่งเคยช่วยเขียนรายงานที่ระบุว่าจีนประพฤติมิชอบในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ก่อนหน้าที่ทรัมป์ประกาศมาตรการรีดภาษี ให้ความเห็นว่า คำตัดสินของ WTO คราวนี้ อาจกระตุุ้นให้ ทรัมป์ ถอนสหรัฐฯ พ้นจากองค์การการค้าโลก หรือตอกย้ำข้อโต้แย้งของสหรัฐฯที่ต้องการให้ปฏิรูปองค์กรการค้าแห่งนี้