ปอดที่ได้รับความเสียหายจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน จากผลวิจัยใหม่ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาคนไข้ที่เคยอาการหนักถึงขั้นใช้เครื่องช่วยหายใจ
เหล่านักวิจัยในรัฐทีโรล ประเทศออสเตรีย ได้ทำการศึกษาคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากกว่า 150 คน ที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศ
คณะแพทย์พบว่า ในขณะที่บรรดาคนไข้ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไปไม่นาน อาจยังมีอาการบางอย่างอยู่ แต่อาการเหล่านั้นดูเหมือนจะค่อยๆ หายไปหลังผ่าน 12 สัปดาห์
หลังจากได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ คณะแพทย์ได้กำหนดให้คนไข้เหล่านั้นกลับมาตรวจร่างกายเป็นระยะๆ 6 สัปดาห์ 12 สัปดาห์ และ 24 สัปดาห์ เพื่อทำการประเมินอาการ
ระหว่างการประเมินนี้จะมีการตรวจและวิเคราะห์ร่างกายของคนไข้ โดยคณะแพทย์จะทำการตรวจปริมาณออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้แล้วยังมีการตรวจการทำงานของปอด ทำซีทีสแกนและตรวจหัวใจด้วยอัลตราซาวนด์
ในการตรวจตอนครบ 6 สัปดาห์ พบว่ามากกว่าครึ่งของคนไข้ยังคงมีอาการบางอย่างอยู่ ในนั้นรวมถึงหายใจลำบากและไอ ขณะที่ผลการสแกนพบ 88% ของคนไข้ทั้งหมด ปอดยังคงเสียหาย
แต่พอถึงการตรวจครบรอบ 12 สัปดาห์ พวกผู้เชี่ยวชาญพบว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับปอดลดลงไป 56% โดยเวลานี้ยังไม่ถึงรอบการประเมิน 24 สัปดาห์ แต่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าบรรดาคนไข้ที่ยังคงมีอาการต่างๆ น่าจะรอดพ้นจากภาวะปอดเสียหายอย่างถาวร
ดร.ซาบินา ซาฮานิค หนึ่งในคณะวิจัยบอกว่า ผลการศึกษานี้บ่งชี้ในข้อเท็จจริงที่ว่าปอดสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ “ข่าวร้ายก็คือปอดของคนไข้ยังคงมีความเสียหายจากโควิด-19 ในสัปดาห์แรกๆ หลังออกจากโรงพยาบาล แต่ข่าวดีก็คือพอเวลาผ่านไปสภาพความเสียหายจะค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าปอดมีกลไกสำหรับซ่อมแซมตนเอง”
อนึ่ง คนไข้ที่เข้าร่วมการศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีอายุเฉลี่ย 61 ปี และ 65% เป็นเพศชาย นอกจากนี้แล้วเกือบครึ่งเคยสูบบุหรี่หรือยังสูบอยู่ และมีอีก 65% ที่เป็นโรคอ้วน
(ที่มา : เดอะซัน)
