สถาบันวิจัยในอินโดนีเซียพบเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สามารถติดต่อได้ง่ายกว่าเดิม ขณะที่จำนวนผู้ป่วยใหม่ยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง คาดยอดสะสมอาจเกิน 500,000 รายภายในสิ้นปีนี้
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 2,858 รายในวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) ลดลงเล็กน้อยจากสถิติ 3,308 รายเมื่อ 1 วันก่อนหน้า แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายวันในเดือนที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศขยับไปอยู่ที่ 172,053 ราย เสียชีวิต 7,343 ราย
เฮราวาตี ซูโดโย รองผู้อำนวยการสถาบันด้านชีวโมเลกุล Eijkman ในกรุงจาการ์ตา เปิดเผยว่า ทางสถาบันตรวจพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ซึ่งเรียกกันว่า ‘D614G’ ในฐานข้อมูลลำดับคู่เบสในสายดีเอ็นเอทั้งหมด (genome sequencing) ซึ่งสถาบันได้เก็บตัวอย่างไว้ โดยเป็นชนิดที่ไม่รุนแรงเท่าแต่ติดต่อได้ง่ายกว่าโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมว่าไวรัสกลายพันธุ์ตัวนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ติดเชื้อในแดนอิเหนาพุ่งสูงขึ้นหรือไม่
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ตัวนี้เริ่มแพร่ระบาดในยุโรปและทวีปอเมริกาตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ. และยังพบผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์และมาเลเซียด้วย
ชาห์ริซาล ชารีฟ นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย เตือนพลเมืองอิเหนาให้มีมาตรการป้องกันตนเองอย่างเข้มข้นต่อไป เพราะจากโมเดลการศึกษาของเขาพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในอินโดนีเซียอาจจะพุ่งถึง 500,000 คนภายในสิ้นปีนี้
“สถานการณ์จัดว่ารุนแรงมาก การแพร่เชื้อภายในท้องถิ่นยังคงควบคุมไม่ได้” ชารีฟ กล่าว พร้อมย้ำว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในอินโดนีเซียจะสูงกว่าที่รายงานกันอยู่ หากห้องปฏิบัติการต่างๆ สามารถทำการตรวจเชื้อได้มากและเร็วกว่านี้
ผู้ติดเชื้อใหม่ในกรุงจาการ์ตาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 1,000 คนเมื่อวานนี้ (30) ซึ่งทางการระบุว่าเกิดจากการที่ผู้คนออกเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นในช่วงวันฉลองเอกราช 17 ส.ค.
ดวี อ็อกตาเวีย เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานสาธารณสุขจาการ์ตา เตือนประชาชนให้อยู่บ้านให้มากที่สุด และหากจำเป็นต้องออกจากบ้านก็ขอให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ที่มา: รอยเตอร์