เอเจนซีส์ – หลังระลอก 2 ตามมาล่าสุดโซลประกาศสั่งหยุดการเรียนการสอนตามชั้นเรียนปกติในโรงเรียนเกือบ 2,000 แห่งทั่วประเทศ ประธานาธิบดี มุน แจ-อิน ออกโรงเตือนประชาชน ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดโควิด-19 ครั้งใหม่ที่เลวร้ายกว่าครั้งแรก
CNNสื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(24 ส.ค)ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อินแถลงออกเตือนประชาชนไม่ให้การ์ดตก
ชี้ว่าในเวลานี้ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระบาดระรอก 2 ที่มีความรุนแรงมากกว่าระลอกแรก
“พวกเราในเวลานี้กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหม่ มันเป็นความฉุกเฉินที่ร้ายแรงมากกว่าสถานการณ์โบสถ์ชินชอนจี(Shincheonji) ในช่วงแรกของการระบาดโรคไวรัสโควิด-19” มุนแถลง
และเสริมต่อว่า “กรุงโซลและเขตใจกลางเมืองกลายเป็นศูนย์กลางการกระจายโรคระบาด และไม่มีที่ใดในประเทศจะผลอดภัย”
มุนกล่าวเตือนประชาชนเกาหลีใต้ว่า
“หากว่าเจ้าหน้าที่การแพทย์ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสได้ ดังนั้นแล้วมาตรการระยะห่างทางสังคมจะถูกยกขึ้นเป็นระดับ 3 ทันทีซึ่งหมายความว่า การใช้ชีวิตปกติในประจำวันจะต้องหยุดลง งานจะล่มสลาย และปัญหาทางเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงจะมีขึ้น”
และในการประกาศของเขาในที่ประชุมที่ปรึกษาระดับสูงที่กรุงโซลวันนี้(24)โดยกล่าวต่อว่า
“แม้กระทั่งระบบสาธารณสุขจะล้มตามไปด้วย”
ทั้งนี้ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวโทษความพยายามที่จะหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสไปที่กลุ่มคนในสังคมที่ไม่ให้ความร่วมมือในมาตรการป้องกัน รวมไปถึงฝ่าฝืนการกักกันโรค
ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้ออกคำสั่งวันนี้(24)ให้โรงเรียนทั่วประเทศจำนวน 1,845 โรงให้หยุดการเรียนการสอนตามชั้นปกติ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่มีโรงเรียนไม่ต่ำกว่า 1,000 โรงจะถูกปิด
อ้างอิงจากทางกระทรวงพบว่า มีนักเรียน283 คน และครูอีก 79 คนมีผลการตรวจไวรัสโควิด-19เป็นบวกนับตั้งแต่วันที่
20 พ.คเมื่อทางโซลเริ่มเฟสแรกของการให้นักเรียนกลับเข้าสู่ชั้นเรียน