รอยเตอร์ – ฝนมรสุมตกหนักสุดในรอบ 7 ปีและทำให้เกิดดินถล่มในเกาหลีใต้ สังหารไป 13 คน
และทำให้ชาวเกาหลีใต้อีกไม่ต่ำกว่า 1,000คนต้องไร้ที่อยู่
รอยเตอร์รายงานวันนี้(4 ส.ค)ว่า ในการประชุมฉุกเฉินวันอังคาร(4)ที่มีประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน นั่งเป็นประธาน
พบว่าเขาแสดงความกังวลถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องรับมือวิกฤตการแพร่ระบาดโรคโควิด-19หลังจากฝนตกหนักนาน
42 วัน
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้ชี้ว่า เป็นฝนตกหนักยาวนานมากสุดนับตั้งแต่ปี 2013
มุนได้ร้องขอให้มีความพยายามทั้งหมดที่ออกมาเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นและระดับชาติให้เป็นไปเพื่อป้องกันการสูญเสียในอนาคต เป็นต้นว่า การกระทำเพื่อหลบเลี่ยงการเกิดดินถล่มและอพยพประชาชน ถึงแม้จะอยู่ในเหตุการณ์ที่ดูเหมือนมีอันตรายเพียงเล็กน้อย”
ทั้งนี้พบว่าถนนสายต่างๆที่ถูกน้ำท่วมรวมไปถึงสะพานตลอดแนวชายฝั่งแม่น้ำฮาน(Han River)ในภูมิภาคกลางโซลที่มีการจราจรติดขัดและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายนั้นสามารถกลับมาใช้การได้อีกครั้งในวันอังคาร(4) สำนักข่าวยอนฮับรายงาน
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันและทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในเกาหลีใต้และประชาชนจำนวนมากกว่า 1,000 คนต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย มีดินถล่มตามมาทำให้มีผู้เสียชีวิต
รอยเตอร์รายงานว่า ดินถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 13 คน และรถราได้ถูกน้ำพัดพาไป เจ้าหน้าที่ภัยพิบัติเกาหลีใต้รายงานว่ามีพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 14,211เอเคอร์อยู่ใต้น้ำ และน้ำท่วมยังเกิดที่ถนนไฮเวย์เส้นสำคัญและสะพานในกรุงโซล
ที่เกาหลีเหนือมีรายงานเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและบางพื้นที่อาจพบต้องพบกับฝนตกหนัก
“ทุกภาคส่วนทางเศรษฐกิจของชาติรวมถึงภาคการเกษตรกำลังเพิ่มมาตรการเพื่อป้องกันความเสียหายจากฝนตกหนัก” สำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA รายงานวันนี้(4) โดยชี้ว่า มีบางพื้นที่มีการคาดการณ์ว่าอาจต้องพบกับฝนตกหนักราว
20 นิ้ว
ยอนฮับรายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือได้เปิดประตูระบายน้ำที่เขื่อนบริเวณพรมแดนโดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าต่อเกาหลีใต้