รอยเตอร์ - เกาหลีเหนืออนุญาตให้เรือประมงเถื่อนจากจีนเข้าไปจับสัตว์น้ำ และมีรายได้จากการเก็บ “ค่าธรรมเนียม” เรือเหล่านี้ปีละหลายพันล้านบาท
ยามฝั่งเกาหลีใต้และผู้เชี่ยวชาญอิสระ ซึ่งตรวจสอบการบังคับใช้คำสั่งคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รายงานมานานหลายปีแล้วว่า พบเห็นเรือประมงสัญชาติจีนเข้าไปจับปลาในท้องทะเลของเกาหลีเหนือ และบางครั้งก็มีการจ่ายเงินให้แก่รัฐบาลโสมแดง เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการทำประมง
รายงานจากสื่อหลายสำนักซึ่งรวมถึงที่พิมพ์ในวารสาร Sciences Advances เมื่อวันพุธ (22) ระบุว่า นักวิจัยกว่า 10 คนจากองค์กรทางทะเลและประมงได้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของ “เรือประมงเถื่อน” (dark fleets) ซึ่งจะไม่ปรากฏให้เห็นในระบบติดตามเรือทั่วไป แต่ต้องสงสัยว่าได้เข้าไปจับสัตว์น้ำในเกาหลีเหนือระหว่างช่วงปี 2017-2019
“เรือประมงขนาดใหญ่ระดับอุตสาหกรรมของจีนหลายร้อยลำอาจละเมิดคำสั่งคว่ำบาตรของยูเอ็น และลักลอบเข้าไปจับปลาหมึกบินแปซิฟิก (Pacific flying squid) เป็นมูลค่าเกือบ 500 ล้านดอลลาร์” Global Fishing Watch ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่ติดตามปัญหานี้ ระบุ
นักวิจัยกลุ่มนี้เผยว่า พวกเขาสามารถติดตามเรือประมงเถื่อนได้มากกว่า 900 ลำ ในปี 2017 และกว่า 700 ลำในช่วงระหว่างปี 2018-2019
แม้รายได้จากการทำประมงเหล่านี้จะไม่ถึงมือรัฐบาลเกาหลีเหนือโดยตรง แต่ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นเผยว่า เปียงยางมีรายได้จากการขายสิทธิ์ให้ต่างชาติเข้ามาทำประมงไม่ต่ำกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3,800 ล้านบาท) ในปี 2018
รัฐบาลจีนยืนกรานว่า ได้ปฏิบัติตามมติคว่ำบาตรของยูเอ็นมาตลอด และอ้างว่า เรือเหล่านี้มักมีเทคนิคหลบเลี่ยงการตรวจจับ ทำให้ยากแก่การพิสูจน์ว่ามีการทำประมงผิดกฎหมายจริงหรือไม่
เมื่อถูกเรือขนาดใหญ่ของจีนเข้าไปแย่งจับสัตว์น้ำ ชาวประมงพื้นบ้านเกาหลีเหนือจึงต้องออกหาปลาไกลกว่าเดิม และบ่อยครั้งที่เกิดเหตุกระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น รัสเซีย เป็นต้น นอกจากนี้ ชาวประมงโสมแดงส่วนใหญ่ยังไม่มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์นำทางที่เหมาะสำหรับการล่องเรือระยะไกล การที่ต้องเสี่ยงชีวิตออกหากินไกลบ้านจึงนำมาสู่ปรากฏการณ์ “เรือผี” ที่ไร้ผู้คน หรือมีแต่ซากศพเต็มลำ ล่องลอยตามยถากรรมไปติดตามชายฝั่งของญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ