มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันปรับลดในวันพุธ (22 ก.ค.) หลังพบสต๊อกปิโตรเลียมอเมริกาเพิ่มขึ้น ส่วนทองคำพุ่งแรง กังวลสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวกเล็กน้อย จับตาการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในวอชิงตัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 2 เซ็นต์ ปิดที่ 41.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 3 เซ็นต์ ปิดที่ 44.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) เผยแพร่รายงานในวันพุธ (22 ก.ค.) ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ เพิ่มขึ้น 4.9 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 กรกฎาคม สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าน่าจะลดลงราวๆ 1.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนคลังน้ำมันเบนซินสำรองในสัปดาห์เดียวกัน แม้จะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล แต่ก็น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต๊อกน้ำมันกลั่น ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้น 280,000 บาร์เรล
นอกจากนี้แล้ว นักลงทุนยังจับตาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังรัฐมนตรีต่างประเทศของปักกิ่งเปิดเผยว่าสหรัฐฯได้สั่งให้จีนปิดสถานทูตในเมืองเมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส ภายใน 72 ชั่วโมง โดยอ้างว่า เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลส่วนตัวของคนอเมริกัน กระตุ้นให้สื่อของทางการปักกิ่งออกมาระบุว่าพญามังกรอาจเอาคืนด้วยการสั่งปิดสถานกงสุลอเมริกันในฮ่องกงหรือเมืองอื่นๆ เป็นการตอบโต้
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ประกอบกับดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ผลักให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2011 โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือบสิงหาคม เพิ่มขึ้น 21.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,865.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ (22 ก.ค.) สามารถปิดในแดนบวก นักลงทุนมุ่งเน้นความสนใจไปที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทต่างๆ และการเจรจาหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสภาคองเกรส
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 165.44 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 27,005.84 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 18.72 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,276.02 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 25.76 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,706.13 จุด
สมาชิกสภาคองเกรสของเดโมแครต และรีพับลิกัน ยังมีความเห็นต่างกันในรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งคาดหมายว่าน่าจะมีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือมากกว่านั้น ในความพยายามบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่เหลือเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก่อนที่มาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์คนว่างงานในปัจจุบันจะมีกำหนดอายุลงในวันที่ 31 กรกฎาคม
ทั้งนี้ นักลงทุนยังจับตาไปที่การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ โดยบริษัท ไมโครซอฟท์ และเทสลา จะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากปิดตลาดหุ้นในวันพุธ (22 ก.ค.)