เอพี - ผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย และนายกเมศมนตรีเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐ ในวันศุกร์ (17 ก.ค.) ต่างกล่าวหากันและกันว่าเป็นฝ่ายเล่นเกมการเมือง ท่ามกลางศึกทะเลาะเบาแว้งที่ลุกลามบานปลายขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับคำสั่งบังคับสวมหน้ากากลดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
การพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในรัฐจอร์เจีย แปรเปลี่ยนความเห็นต่างเกี่ยวกับหน้ากาก กลายเป็นศึกโต้เถียงอย่างเปิดเผย หลังจากเมืองแอตแลนตา รวมถึงเมืองอื่นๆ และเคาน์ตีต่างๆ อีกหลายสิบแห่ง ออกคำสั่งบังคับประชาชนสวมหน้ากากป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนที่ต่อต้าน ไบรอัน เคมป์ ผู้ว่าการรัฐจากรีพับลิกัน
ข้อพิพาทที่โหมกระพือหนักหน่วงขึ้นในสัปดาห์นี้ ได้นำไปสู่การเปิดโต๊ะพูดคุยถกเถียงกันอย่างเข้มข้นในวันศุกร์ (10 ก.ค.) ระหว่างผู้ว่าการรัฐ และ เคซา แลนซ์ บอตทอม นายกเทศมนตรีเมืองแอตแลนตา ผู้ซึ่งกล่าวหาว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ละเมิดข้อบังคับสวมหน้ากากของเมือง
เมื่อวันพุธ (15 ก.ค.) เคมป์ ออกคำสั่งพิเศษให้คำประกาศบังคับสวมหน้ากากของท้องถิ่นเป็นโมฆะ และในวันเดียวกันนั้น ทรัมป์ เดินทางมาเยือนแอตแลนตา โดยไม่สวมหน้ากากใดๆ จากนั้นในวันต่อมา (16 ก.ค.) เคมป์ ได้ยื่นฟ้องเมืองแอตแลนตา ในความพยายามหาทางขัดขวางไม่ให้เมืองแห่งนี้บังคับสวมหน้ากากและใช้กฎระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19
อย่างไรก็ตาม ทาง บอตทอม ยืนกระต่ายขาเดียวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสในวันศุกร์ (17 ก.ค.) ตั้งข้อสงสัยของช่วงเวลาของการฟ้องร้อง และประณาม ทรัมป์ ฐานเดินทางเข้าสู่แอตแลนตาโดยไม่ยอมสวมหน้ากากป้องกันใดๆ
“ฉันชี้เป้าเลยว่า โดนัลด์ ละเมิดคำสั่งตอนที่เครื่องบินของเขาลงจอดที่สนามบินของเรา เขาไม่สวมหน้ากาก” เธอกล่าว อย่างไรก็ตาม บอตทอม ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นว่า ทรัมป์ อยู่เบื้องหลังการยื่นฟ้องของ เคมป์ หรือไม่ โดยบอกแต่เพียงว่า “ประธานาธิบดีละเมิดกฎระเบียบของเรา ซึ่งถือเป็นการไม่เอาใจใส่ต่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดแจ้ง”
ทำเนียบขาวออกมาชี้แจงว่าประธานาธิบดีและทุกคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับประธานาธิบดีผ่านการตรวจเชื้อมาแล้ว ในขณะที่โฆษกของ เคมป์ บอกว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการมาเยือนของทรัมป์
บอตทอม บอกว่าเธอจะเดินหน้าบังคับสวมหน้ากากต่อไปและเตรียมต่อสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันกับเคมป์ในศาล
ในส่วนของ เคมป์ ปกป้องการยื่นฟ้องดำเนินคดีระหว่างแถลงข่าวในวันศุกร์ (17 ก.ค.) โดยกล่าวหาบรรดาเจ้าหน้าที่ของแอตแลนตาเล่นเกมการเมือง และไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐที่บังคับใช้ไปก่อนหน้าแล้ว
“คำสั่งบังคับสวมหน้ากากของนายกเทศมนตรีบอตทอมไม่อาจบังคับใช้ แต่ที่แน่ๆเธอเป็นคนตัดสินใจปิดธุรกิจต่างๆ ซึ่งเป็นบ่อนทำลายการเติบโตทางเศรษฐกิจ” เคมป์กล่าว