xs
xsm
sm
md
lg

คอลัมน์นอกหน้าต่าง: “จีน” ปรับใช้ “ยุทธศาสตร์ใหม่” ในการสยบไวรัสโคโรนาระบาดระลอกสอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้ม) ผู้พำนักอยู่ภายในย่านที่พักอาศัยของเมืองหลวงของจีนซึ่งถูกสั่งใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโรคระบาดระลอกสอง รับข้าวของที่มีผู้มาส่งให้  ณ เขตเฟิงไถ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน
การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาจำนวนมากอย่างรวดเร็วในกรุงปักกิ่ง เมื่อเร็วๆ นี้ ก่อให้เกิดความหวาดผวากันว่าประเทศจีนกำลังกับเผชิญคลื่นการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 เป็นระลอกสอง อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบสามารถต้านทานตีโต้สยบเชื้อโรคร้ายนี้อย่างได้ผล ด้วยยุทธศาสตร์ใหม่ที่มุ่งจำกัดขอบเขตเป้าหมายให้รัดกุมขึ้นกว่าเดิม

ในคราวนี้พวกเจ้าหน้าที่ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างรุนแรงในขอบเขตอาณาบริเวณกว้างขวาง เหมือนกับตอนที่ไวรัสระบาดระลอกแรกจากเมืองอู่ฮั่นเมื่อตอนต้นปีนี้

แทนที่จะทำเช่นนั้น พวกเขาสั่งปิดตายย่านที่อยู่อาศัยเพียงจำนวนจำกัด และโฟกัสที่การทดสอบตรวจเชื้อในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง ซึ่งในท้ายที่สุดได้ทำการตรวจกรองผู้คนถึงกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรเมืองหลวงที่มีทั้งสิ้น 21 ล้านคน

วิธีรับมือกับปัญหาเช่นนี้ดูเหมือนจะได้ผลดี โดยที่รายงานเคสใหม่ๆ กำลังลดต่ำลงจนแต่ละวันเหลือแค่เป็นตัวเลขหลักเดียวตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นมา และหลายๆ วันตัวเลขออกมาเป็น 0 ด้วยซ้ำไป

จีนทำอย่างไรบ้างจึงสามารถทำให้การแพร่ระบาดระลอกใหม่สงบลงมา และมีความแตกต่างจากมาตรการที่ใช้ในระลอกแรกอย่างไร? การติดตามความเป็นมาดังต่อไปนี้ อาจจะเป็นข้อคิดบทเรียนอย่างกว้างๆ บางประการ:

การระบาดระลอกสองเริ่มต้นขึ้นมาอย่างไร ?

ในตอนที่การระบาดใหญ่ระลอกแรกแผ่ลามอย่างน่ากลัวสุดๆ นั้น ประเทศจีนลงแรงใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องคุ้มครองนครหลวง โดยมีทั้งการสั่งให้เที่ยวบินซึ่งกำลังมุ่งมายังปักกิ่งให้เบนหัวไปยังเมืองอื่นๆ และการกำหนดเรียกร้องให้ผู้มาเยือนจากต่างถิ่นต้องผ่านการกักกันโรคและการตรวจทดสอบหาเชื้อไวรัส

แต่เมื่อถึงประมาณต้นเดือนมิถุนายน เมื่อเคสผู้ป่วยใหม่ๆ ที่อาจแพร่ติดต่อไปถึงคนอื่นๆ ในตลอดทั่วทั้งประเทศ ได้ลดฮวบลงเหลือเพียงจำนวนหยิบมือเดียว ปักกิ่งก็ได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่างๆ จำนวนมากที่บังคับใช้ รวมทั้งชาวเมืองท้องถิ่นก็ไม่ถูกบังคับให้ต้องสวมหน้ากากปิดปากและจมูกเมื่อออกมานอกบ้าน

อย่างไรก็ดี การปรากฏผู้ป่วยรายใหม่ๆ กันอีกครั้งหนึ่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน กลายเป็นข่าวที่ทำให้ทั่วทั้งปักกิ่งรู้สึกช็อก

ผู้ป่วยรวมแล้ว 335 ราย ซึ่งพบนับจากนั้น ส่วนใหญ่ที่สุดสามารถสืบสาวสอบสวนโรคย้อนกลับไปถึง “ซินฟาตี้” ตลาดค้าส่งขนาดใหญ่โตมโหฬารที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของกรุงปักกิ่ง และตลาดแห่งนี้ก็ได้ถูกสั่งปิดอย่างรวดเร็ว

ผู้คนจำนวนเป็นหมื่นๆ ถูกสั่งกักกันโรค และประชาชน 11 ล้านคน ถูกตรวจสอบหาเชื้อไวรัส

นครปักกิ่งยังสั่งห้ามชาวเมืองที่พำนักอาศัยอยู่ในพวกพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยง เดินทางออกไปนอกบริเวณ รวมทั้งกำหนดให้ชาวเมืองคนอื่นๆ ต้องแสดงผลตรวจ โควิด-19 ว่า ได้ตรวจแล้วและมีผลออกมาเป็นลบ จึงจะสามารถออกไปได้

เวลานี้พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุของการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้กันอยู่ แต่ผลการตรวจทดสอบขั้นต้นๆ ได้พบร่องรอยของไวรัสบนเขียงชำแหละที่ตลาดซินฟาตี้ ซึ่งใช้ในการชำแหละแปรรูปปลาแซลมอนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ

วิธีการที่จีนรับมือโรคระบาดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปจากเดิมอย่างไรบ้าง

ในตอนที่เกิดการระบาดระลอกแรกนั้น หลังจากไวรัสเริ่มแพร่กระจายออกจากเมืองอู่ฮั่น จีนได้สั่งใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด ทั้งภายในตัวนครแห่งนั้น และในพื้นที่ของมณฑลหูเป่ยที่อยู่รอบๆ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ซึ่งจำกัดบังคับให้ประชาชนเกือบๆ 60 ล้านคน ต้องอยู่แต่ภายในที่พักอาศัยของพวกตน

แต่สำหรับการระบาดเมื่อเดือนที่แล้ว ปักกิ่งใช้มาตรการซึ่งทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของนครเรียกว่า “การควบคุมอย่างแม่นยำตรงเป้า” โดยล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่อยู่อาศัยกันเป็นทีละย่านเท่านั้น

ขณะเดียวกัน พวกคนงานทุกๆ คนซึ่งทำงานในเรื่องอาหารและเครื่องดื่มของทั่วทั้งนครจะต้องเข้ารับการตรวจทดสอบไวรัส และบาร์บางแห่งถูกสั่งให้ปิดทำการ

อย่างไรก็ดี สำหรับพวกศูนย์การค้าและภัตตาคารร้านอาหารส่วนใหญ่ตามส่วนต่างๆ ของปักกิ่งซึ่งตรวจสอบแล้วไม่พบเคสผู้ป่วย ได้รับอนุญาตให้ยังคงเปิดทำการต่อไปได้

สิ่งที่นครปักกิ่งเน้นหนัก คือ การสอบสวนติดตามโรค และการแยกทุกๆ คนซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจได้รับเชื้อไวรัส ต้องอยู่ห่างจากคนอื่นๆ ให้รวดเร็วว่องไวที่สุด

ในการนี้ มีการส่งอาสาสมัครออกไปเคาะประตูกันทีละห้องทีละหลังทั่วทั้งนคร เพื่อสอบถามผู้พักอาศัยว่าพวกเขาได้มีการติดต่อสัมผัสกับคนซึ่งมีโอกาสติดเชื้อไวรัสหรือไม่

การสอบสวนติดตามโรคเช่นนี้ ทำให้ถูกมอง โดยเฉพาะจากโลกตะวันตกว่า มีบรรยากาศของรัฐเผด็จการจอมกดขี่ซึ่งคอยเฝ้าสอดส่องพฤติการณ์ของพลเมืองกันทุกฝีก้าว

ชาวเมืองบางคนถูกสั่งให้ไปรับการตรวจทดสอบหาไวรัส หลังจากพวกหน่วยงานรับผิดชอบใช้คลิปที่ถ่ายจากกล้องรักษาความปลอดภัยมาเป็นเครื่องมือวินิจฉัยว่า รถยนต์ที่จดทะเบียนในนามของพวกเขาได้ขับเข้าไปใกล้ๆ ตลาดที่เป็นแหล่งต้นตอการระบาดใหญ่

จากเหตุผลข้อนี้รวมทั้งเหตุผลประการอื่นๆ ปักกิ่งจึงไม่น่าที่จะสามารถใช้เป็นโมเดลสำหรับเมืองอื่นๆ ประเทศอื่นๆ ในเรื่องวิธีรับมือจัดการกับการแพร่ระบาดระลอกสองของพวกเขาเองได้

“ไม่มีใครหรอกที่มีทั้งทรัพยากร, สมรรถนะความสามารถ, ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และความสามารถทางการเงินขนาดนี้ และแน่นอนทีเดียว รวมทั้งต้นทุนทางสงคมด้วย ที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้ ยกเว้นประเทศจีนเท่านั้น” เลือง โฮ นัม ผู้ชำนาญการพิเศษด้านโรคติดต่อของโรงพยาบาลเมาท์ เอลิซาเบธ โนเวนา ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นกับสำนักข่าวเอเอฟพี

(ภาพจากแฟ้ม) ผู้คนเข้าแถวรอรับการตรวจทดสอบโรคโควิด-19 ณ สถานีตรวจแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
หรือนี่คือ “นิว มอร์มัล” ชนิดปรับปรุงใหม่?”

เศรษฐกิจของจีนถูกระทบหนักหน่วงจากมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งแดนมังกรนำออกมาใช้ภายในอาณาบริเวณที่มีขอบเขตกว้างขวาง เมื่อตอนที่ไวรัสนี้แพร่ระบาดในตอนแรก

เรื่องนี้ทำให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ของแดนมังกรมีความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้มาตรการปิดบ้านปิดเมืองกันอย่างขนานใหญ่แบบที่ได้ใช้กันมาเมื่อตอนต้นปี

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส หยาติง สีว์ ของบริษัท ไอเอชเอส มาร์กิต ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า จีนไม่น่าที่จะหวนกลับไปใช้วิธีเก่าๆ เช่นนี้อีกแล้ว ยกเว้นแต่จะเกิดการระบาดอย่างสาหัสร้ายแรงยิ่งกว่านี้เท่านั้น

แม้กระทั่งในตอนที่การระบาดระลอกล่าสุดขึ้นไปถึงจุดสูงสุด พวกเจ้าหน้าที่ของปักกิ่งก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ใช้มาตรการปิดสถานที่ท้องเที่ยวและโรงแรมต่างๆ ในนครหลวงกันเลย

(เก็บความจากเรื่อง China's new strategy to tame second-wave virus outbreaks ของสำนักข่าวเอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น