xs
xsm
sm
md
lg

โลกโล่ง!! คาซัคสถานรุดปฏิเสธ หลังสถานทูตจีนเตือนพบโรคปอดอักเสบปริศนาระบาด ร้ายแรงกว่าโควิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - คาซัคสถานในวันศุกร์ (10 ก.ค.) ปฏิเสธคำเตือนที่ไม่ถูกต้องของสถานทูตจีน ที่ออกประกาศเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบชนิดหนึ่งซึ่งยังเป็นปริศนาในชาติเอเชียกลาง พร้อมระบุว่ามันมีความร้ายแรงกว่าไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

เมื่อวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) สถานทูตจีนออกมาแจ้งเตือนผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการของพวกเขา ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะปอดอักเสบ ที่ยังไม่รู้เป็นเชื้ออะไร เพิ่มขึ้นอย่างมากในเมืองต่างๆ ของคาซัคสถาน เช่น เมืองอะไตเรา, อัคโตโบ และซิมเคนต์ นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน

สถานเอกอัครราชทูตจีนในคาซัคสถาน ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสปอดอักเสบลึกลับทั่วประเทศพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังระบุว่า เชื้อไวรัสปริศนานี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอัตราที่สูงกว่าเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงสาธารณสุขคาซัคสถานในวันศุกร์ (10 ก.ค.) ตราหน้ารายงานข่าวของสื่อมวลชนจีนที่อ้างอิงถ้อยแถลงของสถานทูตว่าเป็นเฟกนิวส์

กระทรวงสาธารณสุขคาซัคสถานบอกว่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อแบคทีเรีย, เชื้อรา และโรคปอดบวมจากเชื้อไวรัส ซึ่งรวมถึงเคสผู้ติดเชื้อที่ยังไม่รู้ว่าเป็นเชื้ออะไร ยังคงอยู่ในกรอบคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

“ข้อมูลที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนจีนบางสำนักในเรื่องของโรคปอดบวมชนิดใหม่ในคาซัคสถานนั้นไม่ถูกต้อง” กระทรวงสาธารณสุขคาซัคสถานระบุ

คาซัคสถานซึ่งกำหนดมาตรการล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 2 ในสัปดาห์นี้ ในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกือบ 55,000 คน ในนั้นมีผู้เสียชีวิต 264 คน ทั้งนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ด้วยยอดผู้ติดเชื้อ 1,962 คน

ย้อนกลับไปเมื่อวันอังคาร(7ก.ค.) สำนักข่าวคาซินฟอร์ม สื่อมวลชนแห่งรัฐของคาซัคสถาน รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ เพิ่มขึ้น 2.2 เท่าในเดือนมิถุนายน หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019

ในถ้อยแถลงของสถานทูตจีน ระบุว่าโรคปอดอักเสบปริศนา ได้คร่าชีวิตผู้คนในคาซัคสถานไปแล้ว 1,772 คนในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีอยู่ถึง 628 คนที่เสียชีวิตในเดือนมิถุนายน ในนั้นรวมถึงพลเมืองจีนด้วย “อัตราการเสียชีวิตของโรคนี้สูงกว่าโรคปอดอักเสบที่มีต้นตอจากโคโรนาไวรัส”

ยังไม่เป็นชัดเจนว่าโรคปอดอักเสบปริศนามีต้นตอจากไวรัสที่เกี่ยวข้องกับโคโรนาไวัสหรือเป็นไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ และถ้อยแถลงของสถานทูตจีนอ้างว่ากระทรวงสาธารณสุขคาซัคสถานและสถาบันสาธารณสุขอื่นๆ กำลังทำการศึกษาปรียบเทียบ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

ความกังวลเกี่ยวกับข่าวการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบปริศนา กระตุ้นให้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกรุงนูร์-ซุลตัน เมืองหลวงของคาซัคสถาน ออกคำแถลงผ่านเฟซบุ๊กถึงคนไทยที่พักอาศัยอยูในคาซัคสถาน, คีร์กิซสถานและทาจิกิสถาน ดังนี้

ทุกท่านคงได้ทราบดีอยู่แล้วว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในคาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และสาธารณรัฐทาจิกิสถานยังคงมีความรุนแรง โดยในสาธารณรัฐคาซัคสถานมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทั้งสิ้น 54,747 ราย รักษาหายทั้งสิ้น 31,815 ราย และเสียชีวิตทั้งสิ้น 264 ราย (สถานะวันที่ 10 กรกฎาคม 2563) ซึ่งรัฐบาลคาซัคสถานประกาศให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2563 มีระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรการ 14 วัน (อาจขยายต่อ) โดยมีมาตรการ อาทิ จำกัดการออกจากที่อยู่อาศัยของประชาชน ยกเว้นเพื่อการออกไปซื้อของอุปโภคบริโภค และยารักษาโรคตามความจำเป็น ห้ามไม่ให้มีการชุมนุมในที่สาธารณะมากกว่า 3 คนขึ้นไป (ยกเว้นสมาชิกในครอบครัว) และห้ามเปิดสถานเสริมความงาม ร้านตัดผม ฟิตเนส ศูนย์กีฬา สระว่ายน้ำ ตลาดทุกประเภทที่อยู่ในร่ม สวนน้ำ สถานที่ด้านวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ นิทรรศการ สวนสนุก ศูนย์ความบันเทิง สถานศึกษาสำหรับเด็กก่อนปฐมวัย สถานที่ทางศาสนา โรงภาพยนตร์ ศูนย์อาหาร ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวการระบาดของโรคปอดอักเสบในคาซัคสถาน ซึ่งเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 นาย Alexey Tsoi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคาซัคสถาน ได้แถลงข่าว กล่าวถึงจำนวนตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากอาการปอดอักเสบในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ซึ่งมีทั้งสิ้น 1,172 ราย มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ประมาณร้อยละ 50 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขย้ำว่า เป็นโรคปอดอักเสบที่มีลักษณะทั่วไป ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส โดยคาซัคสถานได้รักษาโรคดังกล่าวโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งรัฐบาลคาซัคสถานกำลังหาสาเหตุที่แน่ชัดของโรคปอดอักเสบชนิดดังกล่าวอยู่

สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแนะนำให้พี่น้องชาวไทยในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตฯ “การ์ดไม่ตก” ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และโรคปอดอักเสบอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคดังกล่าว โดยการอยู่ในที่พักอาศัยและไม่ออกไปข้างนอกหากไม่จำเป็นจริง ๆ รักษาสุขอนามัย โดยการหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ล้างมือ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น รับประทานอาหารร้อนและใช้ช้อนส่วนตัว ปิดปากเมื่อไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการสัมผัสและการอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกจากที่พักอาศัยและพยายามรักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ทำความสะอาดสิ่งของที่ซื้อมาทันทีที่ซื้อเสร็จรวมทั้งหมั่นทำความสะอาดที่พักอาศัยเนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถมีชีวิตบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้เป็นเวลานาน รักษาร่างกายให้อบอุ่น และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและเสริมภูมิต้านทานตนเอง ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย หรือมีอาการไข้สูง มีน้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ มีอาการปอดอักเสบ หายใจไม่สะดวก มีอาการไอ จาม และหัวใจเต้นเร็ว ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง และควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ทราบให้เร็วที่สุด รวมทั้งแยกตนเองออกจากผู้อื่น

ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเรียนว่า ข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตฯ ทุกคนยังอยู่เคียงข้างคนไทยที่อาศัยอยู่ในคาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และทาจิกิสถานเสมอ มีความห่วงใยและพร้อมให้ข่าวสารข้อมูล ตลอดจนความช่วยเหลือที่จำเป็น ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประชาสัมพันธ์มาตรการต่างๆ ของรัฐบาลคาซัคสถาน รัฐบาลคีร์กีซ และรัฐบาลทาจิกิสถานผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ เว็บไซต์และเฟซบุ๊ก ‘Royal Thai Embassy, Nur-Sultan’ ของสถานเอกอัครราชทูตฯ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พี่น้องชาวไทยจะได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วน โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ จะรายงานมาตรการและให้ข้อมูลต่างๆ อย่างทันท่วงทีต่อไป จึงขอความร่วมมือคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านี้รวมทั้งคนไทยที่มีความสนใจโปรดติดตามช่องทางการสื่อสารดังกล่าวเพื่อจะได้รับข่าวสารอย่างเร็วที่สุด และหากมีข้อสงสัยหรือประสงค์ขอรับความช่วยเหลือใดๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ thaiembassy.tse@mfa.mail.go.th เฟซบุ๊คเพจ Royal Thai Embassy, Nur-Sultan หรือโทรศัพท์ +7 775 069 87 15


กำลังโหลดความคิดเห็น