เอเอฟพี - มีหลักฐานชัดเจนว่าแม่ผู้มีผลตรวจโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็นบวก สามารถส่งผ่านไวรัสสู่ทารกที่อยู่ในครรภ์ จากการเปิดเผยของนักวิทยาศาสตร์ในวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) ผลการค้นพบที่อาจทำให้ต้องหาแนวทางป้องกันสตรีมีครรภ์ระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่
แม้ก่อนหน้านี้ พบกรณีทารกน้อยติดเชื้อโควิด-19 แล้วหลายเคส แต่ผลการค้นพบล่าสุด ถือเป็นหลักฐานที่เชื่อมโยงระหว่างแม่กับการส่งผ่านเชื้อสู่ทารกน้อย ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมา
บรรดานักวิจัยในอิตาลี ศึกษาหญิงมีครรภ์ 31 คน ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หลังติดเชื้อโควิด-19 และพบไวรัสอยู่ในรก, สายสะดือ, ในนมแม่ และช่องคลอดของผู้หญิงคนหนึ่ง
นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังพบแอนตีบอดีโควิด-19 ในสายสะดือของผู้หญิงตั้งครรภ์หลายคน เช่นเดียวกับในตัวอย่างน้ำนมของพวกเธอ
เคลาดิโอ เฟนิเซีย จากมหาวิทยาลัยมิลาน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนผลการศึกษา ระบุว่า การค้นพบบ่งชี้อย่างหนักแนนว่าการถ่ายทอดเชื้อภายนอกร่างกายนั้นมีความเป็นไปได้ “ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกในเวลานี้ จำนวนผู้หญิงที่มีสิทธิ์ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อาจสูงมากๆ” เขาบอกกับเอเอฟพี
อย่างไรก็ตาม เฟนิเซีย เน้นย้ำว่า ระหว่างช่วงเวลาของการศึกษา ไม่มีทารกแรกคลอดรายใดมีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก “แม้การแพร่เชื้อทางมดลูกดูมีความเป็นไปได้ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์ที่จะตามมา” เขากล่าว
ผลการศึกษาถูกเผยแพร่ออกมา หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว องค์การอนามัยโลกเพิ่งแนะนำว่าแม่ที่ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงสามารถให้นมลูกได้ต่อไปหากต้องการ
อ้างจากหลักฐานที่มีอยู่ คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือ ประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมจากอกแม่มีค่ามากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดการแพร่เชื้อโควิด-19
“มารดาที่ต้องสงสัยหรือได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อโควิด-19 ควรได้รับการส่งเสริมให้ให้นมแม่ต่อไป และไม่แยกมารดาออกจากทารก เว้นแต่มารดาจะไม่สบายหนักมากจริงๆ” เทดรอส แอดฮานอม เกรเบเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกระบุ