มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันปิดผสมผสานในวันจันทร์ (6 ก.ค.) โดยสัญญาลอนดอน ปรับขึ้นจากความหวังการฟื้นตัวจากโรคระบาดใหญ่ของจีน ปัจจัยนี้ดันวอลล์สตรีทพุ่งแรง ขณะที่ทองคำขยับขึ้นในกรอบแคบๆ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2 เซ็นต์ ปิดที่ 40.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 30 เซ็นต์ ปิดที่ 43.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันสัญญาสหรัฐฯ ถูกฉุดจากความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในอเมริกา หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกกว่า 49,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ (5 ก.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในสหรัฐฯ คิดเป็น 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลกกว่า 11.4 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันสัญญาลอนดอนได้แรงหนุนจากความหวังว่า จีน ชาติผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จะยังสามารถฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากผลกระทบของการแพร่บาดของโควิด-19
ความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน ประกอบกับกิจกรรมภาคบริการที่ดีขึ้นในสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ดันตลาดหุ้นอเมริกาพุ่งแรงในวันจันทร์ (6 ก.ค.) โดยดาวโจน์พุ่งขึ้นกว่า 450 จุด นักลงทุนมองข้ามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในอเมริกา
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 459.67 จุด (1.78 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 26,287.03 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 49.71 จุด (1.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,179.72 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 226.02 จุด (2.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,433.65 จุด
นักลงทุนคาดหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และผลกระทบของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ความเชื่อมั่นที่ดันตลาดหุ้นจีนทะยานกว่า 5%
นักลงทุนเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ก.ค.) พบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการที่มาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน เพิ่มขึ้นแตะระดับ 58.4 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี
นอกจากนี้แล้ว วอลล์สตรีทยังได้แรงหนุนจากข้อมูลของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.1 ในเดือนมิถุนายน จากระดับ 45.4 ในเดือนพฤษภาคม โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่หลายรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่ต้องล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้กลับเข้าสู่ภาวะขยายตัวแล้ว หลังจากที่ร่วงลงไปแตะระดับ 41.8 ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีภาคบริการเดือนมิถุนายนจะอยู่ที่ 48.9
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (6 ก.ค.) ปิดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ได้ปัจจัยหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือบสิงหาคม เพิ่มขึ้น 3.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,793.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์